แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญากู้มีมูลหนี้มาจากการที่โจทก์ทดรองจ่ายเงินในการซื้อขายหุ้นให้จำเลย การที่โจทก์ออกเช็คให้จำเลยและจำเลยสลักหลังคืนแก่โจทก์เป็นวิธีการชำระหนี้เงินทดรองที่โจทก์จ่ายแทนจำเลยไปในการซื้อหุ้นเท่านั้น เจตนาอันแท้จริงเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงระงับหนี้เงินทดรองที่โจทก์จ่ายไปโดยวิธีให้จำเลยกู้เงินโจทก์ใช้หนี้ จำนวนเงินที่โจทก์จะต้องจ่ายแก่จำเลยตามสัญญากู้ก็คือจำนวนเงินที่โจทก์นำไปชำระหนี้เงินทดรองจ่ายนั่นเอง เมื่อปรากฏว่าจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้ดังกล่าว และโจทก์ได้นำจำนวนเงินตามสัญญากู้ไปชำระหนี้เงินทดรองจนเสร็จสิ้นแล้ว จึงต้องฟังว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญากู้นั้น จำเลยจะอ้างว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้และไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญากู้ไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ออกเงินทดรองจ่ายในการซื้อหุ้นให้จำเลยจำเลยทำสัญญาผ่อนชำระหนี้ตามสัญญากู้ท้ายฟ้องแล้วชำระไม่ครบ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินกู้ที่ค้างพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การต่อสู้หลายประการและว่าจำเลยไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน435,989.74 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของจำเลยข้อต่อไปที่ว่าจะบังคับตามสัญญากู้ท้ายฟ้องได้หรือไม่ โจทก์นำสืบว่าเมื่อโจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินที่โจทก์ทดรองจ่ายในการซื้อขายหุ้นให้จำเลย จำเลยได้ติดต่อขอทำสัญญากู้เงินจากโจทก์ เพื่อนำเงินที่กู้ดังกล่าวชำระหนี้ให้โจทก์ โจทก์ตกลงให้กู้จึงได้มีการทำสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.3และโจทก์ได้ออกเช็คเอกสารหมาย จ.6 สั่งจ่ายเงินตามสัญญากู้ให้จำเลย แล้วจำเลยได้สลักหลังมอบเช็คดังกล่าวให้โจทก์ต่อมาโจทก์ได้นำเงินตามเช็คดังกล่าวชำระหนี้ตามบัญชีการซื้อขายหุ้นของจำเลยส่วนจำเลยนำสืบว่า เมื่อจำเลยลงชื่อในสัญญากู้เงินตามเอกสารหมาย จ.3 แล้วจำเลยก็ไม่ได้รับเงินจากโจทก์ เช็คตามเอกสารหมาย จ.6 ที่โจทก์ออกให้จำเลยนั้นในขณะที่จำเลยสลักหลังเช็คดังกล่าวทำให้โจทก์ก็ไม่ปรากฏว่ามีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายในเช็คไว้ก่อน การออกเช็คและสลักหลังเช็คเอกสารหมาย จ.6 จึงไม่มีผลตามกฎหมาย เพื่อแสดงว่าสัญญากู้ไม่สมบูรณ์และไม่มีมูลหนี้เกิดขึ้นจากสัญญากู้นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า สัญญากู้เอกสารหมายจ.3 มีมูลหนี้มาจากการที่โจทก์ทดรองจ่ายเงินในการซื้อขายหุ้นให้จำเลย การที่โจทก์ออกเช็คให้จำเลยและจำเลยสลักหลังคืนแก่โจทก์เป็นเพียงวิธีการชำระหนี้เงินทดรองที่โจทก์จ่ายแทนจำเลยไปในการซื้อหุ้นเท่านั้น เจตนาอันแท้จริงเป็นเรื่องที่โจทก์จำเลยตกลงระงับหนี้เงินทดรองที่โจทก์จ่ายไปโดยวิธีให้จำเลยกู้เงินโจทก์ใช้หนี้จำนวนเงินที่โจทก์จะต้องจ่ายแก่จำเลยตามสัญญากู้ก็คือจำนวนเงินที่โจทก์นำไปชำระหนี้เงินทดรองจ่ายนั้นเอง เมื่อปรากฏว่าจำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้ดังกล่าว และโจทก์ได้นำจำนวนเงินตามสัญญากู้ไปชำระหนี้เงินทดรองจนเสร็จสิ้นแล้วจึงต้องฟังว่าจำเลยเป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนที่ระบุไว้ในสัญญากู้นั้นจำเลยจะอ้างว่าจำเลยยังไม่ได้รับเงินตามสัญญากู้และไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญากู้ไม่ได้
พิพากษายืน.