คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1243/2531

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ร่วมมอบพรมให้จำเลยเป็นตัวอย่างในการสั่งซื้อหากลูกค้าต้องการพรมนั้นก็ให้ขายได้แต่จำเลยต้องชำระเงินค่าพรมให้โจทก์ร่วมตามราคาที่ตกลงกัน หากขายไม่ได้ก็ต้องคืนพรมแก่โจทก์ร่วมดังนี้การที่จำเลยไม่ชำระราคาพรมหรือคืนพรมแก่โจทก์ร่วมจึงเป็นเพียงผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้เท่านั้นไม่มีมูลความผิดทางอาญา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานยักยอกตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 96,900 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายกูลาม ฮัสเซน ผู้เสียหายขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 ลงโทษจำคุก 1 ปี ให้จำเลยคืนหรือ ใช้ราคาทรัพย์96,900 บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ได้ความจากโจทก์ร่วมว่าก่อนเกิดเหตุโจทก์ร่วมไปติดต่อจำเลยเพื่อจะขายพรม จำเลยขอดูตัวอย่างก่อนเมื่อได้แล้วจะติดต่อขายให้ เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2527 โจทก์ร่วมและนายเอนก สุขอารีย์นำพรมไหมแคสมิริ 8 ผืนไปให้จำเลยซึ่งพักอยู่ที่นารายณ์เกสท์เฮ้าส์ซอยสุขุมวิท 53 ดู จำเลยรับพรมไว้และบอกโจทก์ร่วมว่าจะเอาไว้เป็นตัวอย่างให้ลูกค้าดู ถ้าขายได้จะติดต่อให้โจทก์ร่วมส่งพรมมาใหม่ ให้โจทก์ร่วมติดต่อกับจำเลยอีกภายใน 5 วันโจทก์ร่วมไปตามนัดแต่ไม่พบจำเลย จนวันที่ 13 พฤษภาคม 2527โจทก์ร่วมและนายยาวิก อามัด น้องชายไปหาจำเลยอีก จำเลยบอกว่าติดต่อขายพรมได้ 7 ผืน ให้มาเอาเงินค่าพรมวันรุ่งขึ้นพร้อมรับพรมที่เหลืออีก 1 ผืนคืน ครั้นวันรุ่งขึ้นโจทก์ร่วมกับนายยาวิกไปหาจำเลยปรากฏว่าจำเลยขนทรัพย์สินหลบหนีไปในเวลากลางคืน ต่อมาทราบว่าจำเลยนำพรม 3 ผืนของโจทก์ร่วมไปขายที่ฮ่องกง ตามเอกสารหมาย จ.ร.1 โจทก์ร่วมมีนายเอนกเบิกความสนับสนุนว่า เคยเอาพรม 8 ผืนไปส่งจำเลยที่นารายณ์เกสท์เฮ้าส์โดยไปกับโจทก์ร่วมจริง พยานปากนี้ไม่ปรากฏว่าเคยมีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลย ทั้งร้อยตำรวจโทพิพัฒน์ก็เบิกความสอดคล้องกันว่าเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2527 โจทก์ร่วมแจ้งระบุชื่อจำเลยว่าเบียดบังยักยอกพรม 8 ผืนของโจทก์ร่วมไปจริงคำพยานโจทก์และโจทก์ร่วมจึงมีน้ำหนัก ที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยไม่ได้รับพรมไปจากโจทก์ร่วมนั้นไม่น่าเชื่อ พยานหลักฐานของจำเลยไม่อาจหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมได้ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยได้รับพรม 8 ผืนของโจทก์ร่วมไว้ในครอบครองมีปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปว่าเมื่อจำเลยไม่คืนพรมหรือใช้ราคาให้โจทก์ร่วม จำเลยจะมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ร่วมไปติดต่อจำเลยเพื่อจะขายพรม ต่อมาเมื่อจำเลยบอกว่าขายไปแล้ว7 ผืน ให้ไปรับเงินในวันรุ่งขึ้น โจทก์ร่วมก็มิได้ทักท้วงว่าจำเลยไม่มีอำนาจขายทั้งไปคอยรับเงินตามนัดด้วย ในบันทึกมอบคดีความผิดอันยอมความได้เอกสารหมาย จ.2 ก็มีข้อความว่า โจทก์ร่วมมอบพรมให้จำเลยเป็นตัวอย่างในการสั่งซื้อ โดยบอกจำเลยว่าหากลูกค้าต้องการสั่งซื้อให้สั่งโจทก์ร่วมไป หรือหากลูกค้าคนใดต้องการพรมตัวอย่าง ก็ให้ไปได้แต่ต้องชำระค่าพรมนั้นข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่าโจทก์ร่วมให้จำเลยขายพรมดังกล่าวได้เมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยจะต้องขายพรมในราคาที่โจทก์ร่วมกำหนดและจำเลยจะได้ประโยชน์อะไรจากการขายจึงเชื่อว่าโจทก์ร่วมให้จำเลยมีสิทธิขายพรมในราคาเท่าใดก็ได้ เพียงแต่จำเลยต้องชำระเงินค่าพรมให้โจทก์ร่วมตามราคาที่ตกลงกันเท่านั้นเงินส่วนที่ขายได้เกินตกเป็นประโยชน์ของจำเลย หากขายไม่ได้ก็ต้องนำพรมคืนโจทก์ร่วม เมื่อจำเลยไม่ชำระราคาพรมหรือคืนพรมแก่โจทก์ร่วม ก็เป็นเพียงผิดสัญญาที่ตกลงกันไว้เท่านั้นซึ่งโจทก์ร่วมมีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวได้รูปเรื่องไม่มีมูลความผิดทางอาญา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share