แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
สัญญาจะซื้อขายระบุว่า ถ้าผู้จะขายผิดสัญญาไม่ไปทำสัญญาและจดทะเบียนขายตามกำหนด ผู้จะขายจะยอมให้ผู้จะซื้อปรับ20,000 บาท อีกส่วนหนึ่งด้วย โดยไม่มีข้อความตอนใดระบุให้สิทธิผู้จะขายเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินให้ผู้จะซื้อ ผู้จะซื้อเท่านั้นจึงเลือกเรียกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกร้องให้ผู้จะขายชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 380 เมื่อโจทก์ผู้จะซื้อเรียกร้องให้จำเลยซึ่งเป็นผู้จะขายให้ขายที่ดินตามสัญญา และสภาพแห่งหนี้ก็เปิดช่องให้ศาลบังคับได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติด้วยการขอคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยผิดสัญญาจะซื้อขายที่ดิน ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน หากจำเลยไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา จำเลยให้การว่าจำเลยมิได้ผิดสัญญา จำเลยยอมคืนมัดจำและค่าปรับอีก 20,000 บาทแต่โจทก์ไม่ยอมรับโจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและไม่มีสิทธิเรียกเงินมัดจำคืน ขอให้ยกฟ้องศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนขายที่ดินตามฟ้องให้โจทก์โดยให้โจทก์ชำระราคาที่ยังไม่ชำระอีก 175,000 บาท ให้จำเลยหากจำเลยไม่ไปโอนขายให้โจทก์ก็ให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาจำเลย จำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยว่าโจทก์จะบังคับให้จำเลยโอนขายที่ดินตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินที่โจทก์กับจำเลยตกลงทำกันไว้มีข้อความดังปรากฏตามภาพถ่ายเอกสารท้ายฟ้องได้หรือไม่เห็นว่าที่จำเลยให้การต่อสู้คดีว่าจำเลยมีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินโดยการคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์ตามสัญญา ข้อ 3 นั้น ตามสัญญาข้อ 3 มีข้อความแต่เพียงว่า “ถ้าผู้รับซื้อผิดสัญญาไม่ไปทำหนังสือสัญญาและจดทะเบียนซื้อตามกำหนด…ผู้จะซื้อยอมให้ผู้จะขายริบมัดจำ แต่ถ้าผู้จะขายผิดสัญญาไม่ไปทำหนังสือสัญญาและจดทะเบียนขายตามกำหนด …ผู้ขายจะยอมใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้จะซื้ออีก 20,000 บาท อีกส่วนหนึ่งด้วย” ตามสัญญาข้อ 3นี้ ไม่มีข้อความตอนใดระบุไว้พอแปลความหมายได้ว่าให้สิทธิผู้จะขายที่จะเลือกปฏิบัติไม่ยอมขายที่ดินให้ผู้จะซื้อ แม้สัญญาได้กำหนดเบี้ยปรับกันไว้ ในเมื่อผู้จะขายผิดสัญญาก็ดีก็ปรากฏว่าตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 380 บัญญัติให้สิทธิแก่ผู้จะซื้อเท่านั้นที่จะเลือกเรียกเอาเบี้ยปรับหรือเรียกร้องให้ผู้จะขายชำระหนี้แต่อย่างหนึ่งอย่างใดก็ได้เมื่อคดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นผู้จะซื้อเรียกร้องในทางขอให้บังคับจำเลยซึ่งเป็นผู้จะขายให้ขายที่ดินตามสัญญา และสภาพแห่งหนี้ก็เปิดช่องให้ศาลบังคับเช่นนั้นได้ จำเลยจึงไม่มีสิทธิที่จะเลือกปฏิบัติด้วยการขอคืนเงินมัดจำและยอมชำระค่าปรับให้โจทก์เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นฝ่ายผิดสัญญาไม่ยอมโอนขายที่ดินให้โจทก์ โจทก์ย่อมฟ้องขอให้บังคับจำเลยให้โอนขายที่ดินตามสัญญาได้ ตามเหตุผลดังได้วินิจฉัยมา ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีการวมกันเป็นเงิน 2,000 บาท