คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3098/2543

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรตามฟ้อง ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยจะต้องมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น ดังนี้ เมื่อผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้ว จึงไม่อาจบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนตามคำขอของโจทก์ได้อีก

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนร่วมกันเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายนเรศ วันดี ผู้เสียหายโดยงัดประตูด้านหลังของเคหสถานดังกล่าว อันเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลและทรัพย์แล้วร่วมกันเอาทรัพย์สินต่าง ๆ รวม 12 รายการ ราคาทั้งสิ้น35,885 บาท ของผู้เสียหาย ซึ่งเก็บรักษาไว้ในเคหสถานดังกล่าวไปโดยทุจริตต่อมาเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมยึดทรัพย์สินรวม 4 รายการ คิดเป็นเงิน3,300 บาท ซึ่งเป็นทรัพย์สินบางส่วนของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายร่วมกันลักไปอยู่ในความครอบครองของจำเลยเป็นของกลาง ทั้งนี้จำเลยกับนายบุญธรรมคำทา ซึ่งศาลพิพากษาลงโทษไปแล้วร่วมกันเป็นคนร้ายเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานของนายนเรศ วันดี ผู้เสียหาย โดยงัดประตูด้านหลังของเคหสถานดังกล่าวจนหลุดเปิดออกแล้วลักเอาทรัพย์สินรวม 12 รายการ เป็นเงิน35,885 บาท ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นจำเลยรับเอาทรัพย์สินบางส่วนของผู้เสียหายซึ่งถูกคนร้ายร่วมกันลักไปไว้โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำผิดฐานลักทรัพย์ จำเลยเป็นบุคคลเดียวกันกับจำเลยในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3834/2538 และ 770/2539 ของศาลชั้นต้นขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 357, 83 คืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,695 บาท กับให้นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3834/2538 และ770/2539 ของศาลชั้นต้น

จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 357 วรรคแรก จำคุก 5 ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,695 บาท นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 3834/2538 หมายเลขแดงที่ 4448/2540 ของศาลชั้นต้นส่วนที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขดำที่ 770/2539ของศาลชั้นต้น ด้วยนั้น คดีดังกล่าวศาลยังมิได้พิพากษาจึงนับโทษต่อให้ไม่ได้ให้ยกคำขอส่วนนี้ ยกฟ้องโจทก์ข้อหาลักทรัพย์

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ในเบื้องต้นว่า ในวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง มีคนร้ายเข้าไปในบ้านของผู้เสียหายโดยงัดประตูข้างบ้านเข้าไปลักเอาทรัพย์สินต่าง ๆ รวม 12 รายการ ราคาทั้งสิ้น35,885 บาท ต่อมาวันที่ 23 พฤษภาคม 2538 เจ้าพนักงานตำรวจไปตรวจค้นที่บ้านจำเลยพบทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกคนร้ายลักไปบางส่วนได้แก่ พระเครื่องเหรียญโลหะ และพระเครื่องเนื้อดินรวม 27 องค์ นาฬิกาข้อมือยี่ห้อโอเรียนท์ 1 เรือน กำไลข้อมือทองแดง 1 วง และโทรศัพท์ตั้งโต๊ะ 1 เครื่อง ราคาทั้งสิ้น 3,300 บาท ยึดไว้เป็นของกลางและคืนให้แก่ผู้เสียหายแล้ว

ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรหรือไม่ เห็นว่า พฤติการณ์ของจำเลยตั้งแต่เจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นที่บ้าน จำเลยวิ่งหนีออกจากบ้านทันที และยังรับฝากทรัพย์อื่น ๆนอกจากของกลางคดีนี้อีกหลายรายการ ส่วนของกลางรายนี้ หากจำเลยรับจำนำไว้จริง จำเลยก็น่าจะเก็บรวมไว้ที่เดียวกัน แต่จำเลยเก็บของกลางแยกออกต่างหากจากทรัพย์รายอื่นที่อ้างว่านายบุญธรรมมาฝากไว้ เพื่อนายบุญธรรมอาจจะมาไถ่คืน แต่ทรัพย์เหล่านี้กลับอยู่กระจัดกระจายหลายแห่งบางชิ้นอยู่ในลักษณะซุกซ่อนไว้อีกด้วย ทำให้น่าเชื่อว่าจำเลยรับทรัพย์ต่าง ๆ ของผู้เสียหายไว้ โดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ถูกคนร้ายลักมาประกอบกับชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพในข้อหารับของโจรโดยตลอดแม้จำเลยจะอ้างว่ารับสารภาพเพราะถูกขู่เข็ญทำร้ายก็คงมีแต่ตัวจำเลยเบิกความกล่าวอ้างลอย ๆ พยานจำเลยไม่อาจรับฟังหักล้างพยานโจทก์ได้พยานหลักฐานโจทก์รับฟังได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจรตามฟ้องศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยชอบแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหายเป็นเงิน 5,695 บาทนั้น เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดฐานรับของโจร ความรับผิดทางแพ่งของจำเลยจะต้องมีอยู่เฉพาะในส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับความผิดทางอาญาฐานรับของโจรเท่านั้น เมื่อปรากฏว่าผู้เสียหายได้รับของกลางที่จำเลยรับของโจรไว้คืนไปแล้วจึงไม่อาจบังคับให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนตามคำขอของโจทก์ได้อีก”

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกคำขอที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนเป็นเงิน 5,695 บาทเสีย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 5

Share