คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 936/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ให้ตัดไม้เผาถ่านได้แล้วไปทำสัญญาให้จำเลยซึ่งไม่ได้รับอนุญาตเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่านอีกทอดหนึ่ง แล้วต่อมาโจทก์ถูกทางราชการสั่งห้ามมิให้เช่าช่วงและได้ทำทัณฑ์บนไว้ว่าจะไม่ฝ่าฝืน โจทก์จึงบอกเลิกสัญญากับจำเลยก่อนกำหนดเวลาในสัญญาที่ทำไว้ ดังนี้ จำเลยจะเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจากโจทก์ไม่ได้ เพราะการได้รับอนุญาตทำไม้นั้นเป็นการเฉพาะตัวซึ่งจำเลยก็รู้อยู่แล้ว แต่ได้เข้าทำสัญญาโดยเสี่ยงต่ออุปสรรคที่จะเกิดขึ้น.

ย่อยาว

สำนวนแรก โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยเลิกสัญญาเช่าห้ามจำเลยเกี่ยวข้องกับกิจการทำป่าไม้และเผาถ่านของโจทก์ ให้ชำระค่าเช่าที่ค้างพร้อมทั้งดอกเบี้ย รวมทั้งค่าเสียหาย พร้อมทั้งยื่นคำร้องให้ศาลสั่งห้ามจำเลยตัดไม่เผาถ่านชั่วคราวศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วอนุญาต
จำเลยให้การปฏิเสธว่ามิได้ทำผิดสัญญา และขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งห้ามชั่วคราวนั้น ศาลชั้นต้นสอบจำเลย จำเลยยอมหยุดการตัดไม้ชั่วคราวจนกว่าคดีถึงที่สุด
สำนวนที่ ๒ นางมุ้ยหล้างได้ฟ้องโจทก์ว่าแกล้งฟ้อง และขอให้โจทก์รับผิดค่าเสียหายและคืนเงินมัดจำ
โจทก์ให้การปฏิเสธความเสียหาย
สำนวนที่ ๓ โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยเสียภาษีเงินได้และใช้เงินที่โจทก์ถูกปรับเพราะจำเลยตัดไม้ผิดแปลง
จำเลยให้การว่า ฟ้องเคลือบคลุมและปฏิเสธว่าไม่ต้องรับผิดในเรื่องเงินภาษาและค่าปรับนั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์รวม ๓๔,๐๗๑.๘๖ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย และให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลยรวม ๒๑๑,๒๖๐ บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจาณาแล้วเห็นว่า พฤติการณ์ที่ได้ความส่อแสดงว่าโจทก์บอกเลิกสัญญากับจำเลยเพราะโจทก์ถูกทางราชการสั่งห้ามไม่ให้เช่าช่วง และให้โจทก์ทำทัณฑ์บนไว้ คดีนี้โจทก์ได้รับอนุญาตให้ตัดไม้เผาถ่าน สัญญาที่โจทก์จำเลยทำไว้ต่อกันเป็นการให้จำเลยเข้ากรทำการตัดไม้เผาถ่านเป็นของจำเลยเอง โดยจำเลยต้องให้ถ่ายแก่โจทก์จำนวนหนึ่ง สัญญานี้โจทก์ผู้ได้รับอนุญาตทำสัญญาให้จำเลยผู้ไม่ได้รับอนุญาตเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่าน ตามพระราชบัญญติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๑๑ ประกอบมาตรา ๕๖ แสดงว่า การอนุญาติให้บุคคลทำการตัดไม้เผาถ่านนั้น เป็นการอนุญาตเฉพาะตัวผู้รับอนุญาต
ศาลฎีกาได้ประชุมใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่า การที่โจทก์จำเลยทำสัญญาต่อกันนั้นเป็นการเสี่ยงต่อการที่จำเลยจะได้เข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่าน โดยที่คู่กรณีได้รู้หรือควรจะรู้แล้วว่าการกระทำเช่นนั้นอาจถูกเจ้าพนักงานห้ามหรือขัดขวางในขณะใดก็ได้ ซึ่งถ้าถูกห้ามหรือขัดขวาง ก้เป็นอันเลิกแล้วต่อกัน เพราะแต่ละฝ่ายไม่มีอำนาจดำเนินการฝ่าฝืนได้ ฉะนั้นเมื่อโจทก์ถูกเจ้าพนักงานสั่งห้ามไม่ยอมให้จำเลยเข้าดำเนินการตัดไม้เผาถ่าน จำเลยก็ไม่มีสิทธิเรียกค่าเสียหายฐานผิดสัญญาจากโจทก์ได้ ส่วนเงินมัดจำที่จำเลยวางไว้แก่โจทก์นั้นโจทก์มิได้ยกขึ้นกล่าวในฎีกา จึงไม่ต้องวินิจฉัย
พิพากาาแก้เฉพาะข้อที่ให้โจทก์ใช้เงินแก่จำเลย เป็นว่าโจทก์ไม่ต้องรับผิดใช้เงินให้แก่จำเลย นอกจากคืนเงินมัดจำ ๑๕,๐๐๐ บาท กับดอกเบี้ยในจำนวนเงินนี้ตามที่ศาลอุทธรณ์กำหนดไว้นอกจากนี้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ฯลฯ.

Share