แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยไปยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าซึ่งมีส่วนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ที่ได้ จดทะเบียนไว้ก่อนแล้ว ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์แล้ว โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้ตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 67 วรรคหนึ่ง ภายใน 5 ปีนับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นตามมาตรา 40 ทั้งนี้ไม่ว่าโจทก์จะได้ยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามมาตรา 35 ไว้หรือไม่ก็ตาม เพราะตามบทบัญญัติ มาตรา 67 วรรคหนึ่ง มิได้มีข้อกำหนดจำกัดสิทธิของโจกท์ว่าจะต้องยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ก่อนฟ้องคดี
เมื่อพฤติการณ์ของจำเลยชี้ให้เห็นว่าจำเลยจงใจลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์ แม้ราคาสินค้า จะแตกต่างกันอย่างมาก ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จำเลยจะยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้ในกรณีนี้ได้ เพราะผู้ซื้ออาจหลงผิดไปว่าเป็นสินค้า ลดราคาของโจทก์ได้ เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อที่ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกับโจทก์ จึงนับได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือ หลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้าได้ จึงไม่ใช่เครื่องหมายการค้าที่จะพึงรับจดทะเบียนให้ได้ตาม พ.ร.บ. เครื่องหมายการค้า พ.ศ. 2534 มาตรา 6 (33) และ 13 (2)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า เครื่องหมายการค้าคำว่า MARROW ของจำเลยเป็นเครื่องหมายที่คล้ายกับเครื่องหมายการค้าคำว่า ARROW ของโจทก์จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า และโจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า ARROW และคำว่า MARROW ดีกว่าจำเลย ให้จำเลยถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า MARROW หากจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย ห้ามจำเลยใช้ยื่นขอจดทะเบียน หรือเข้าเกี่ยวข้องในทางใด ๆ กับเครื่องหมายการค้าคำว่า MARROW และเครื่องหมายการค้าอื่นใดที่เหมือนหรือคล้ายกับเครื่องหมายการค้าคำว่า ARROW ของโจทก์อีกต่อไป
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วพิพากษาให้ตามคำขอของโจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ ๒,๐๐๐ บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว วินิจฉัยว่า
กรณีจำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์และจำเลยมิได้โต้แย้งสิทธิกันตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๕๕ นั้น เห็นว่า ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๓๕ เป็นบทบัญญัติให้บุคคลอื่นซึ่งอ้างว่าเป็นผู้มีสิทธิดีกว่าผู้ยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าหรือเจ้าของเครื่องหมายการค้าซึ่งจดทะเบียนไว้ก่อนแล้วมีสิทธิที่จะยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าได้ภายในกำหนด ๙๐ วัน หากไม่ยื่นภายในกำหนดดังกล่าว นายทะเบียนเครื่องหมายการค้ามีอำนาจที่จะดำเนินการรับจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าของผู้ขอต่อไปได้ตามมาตรา ๔๐ แต่เจ้าของเครื่องหมายการค้าซึ่งได้จดทะเบียนไว้ก่อน หากได้รับผลกระทบจากการรับจดทะเบียนของนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว ก็ยังคงมีสิทธิที่จะฟ้องขอให้เพิกถอนการรับ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวได้ภายใน ๕ ปี นับแต่วันที่นายทะเบียนมีคำสั่งให้จดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นตามมาตรา ๔๐ ทั้งนี้ตามมาตรา ๖๗ วรรคหนึ่ง เพราะตามบทบัญญัติดังกล่าวหาได้มีข้อกำหนดจำกัดสิทธิของเจ้าของเครื่องหมายการค้าซึ่งได้จดทะเบียนไว้ก่อนว่าจะต้องยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าไว้ก่อนฟ้องคดีไม่ ดังนั้น เมื่อโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของเครื่องหมายการค้า ARROW ที่ได้จะทะเบียนไว้ก่อนแล้วเห็นว่าที่จำเลยไปยื่นคำขอ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า MARROW ไว้สำหรับสินค้าจำพวกเดียวกันกับตนและนายทะเบียนเครื่องหมายการค้ารับจดทะเบียนให้ตามคำขอของจำเลยนั้นมีผลกระทบต่อสิทธิในเครื่องหมายการค้า ARROW ที่โจทก์ จดทะเบียนไว้ก่อนแล้ว โดยเครื่องหมายการค้าของจำเลยมีส่วนคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ ย่อมถือได้ว่าจำเลยได้กระทำการอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตั้งแต่จำเลยไปยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าว โจทก์ซึ่งเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกรณีนี้ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยเพื่อขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้านั้นได้ตามมาตรา ๖๗ วรรคหนึ่ง ไม่ว่าโจทก์จะได้ยื่นคำคัดค้านต่อนายทะเบียนเครื่องหมายการค้าตามมาตรา ๓๕ ไว้หรือไม่
เครื่องหมายการค้าของโจทก์ทุกเครื่องหมายเมื่อพิจารณาโดยรวมแล้วจะเห็นได้ว่ามีสาระสำคัญอยู่ที่คำว่า “ARROW ” และเสียงเรียกขานซึ่งอ่านออกเสียงว่า ” แอโร่ ” ส่วนเครื่องหมายการค้าของจำเลยคำว่า ” MARROW ” เป็นคำในภาษาต่างประเทศ มี ๒ พยางค์เท่ากัน พยางค์แรกอ่านออกเสียงว่า ” แม ” พยางค์หลังอ่านออกเสียงว่า ” โร่ ” เมื่ออ่านออกเสียงรวมกันก์ไม่ทำให้คำเรียกขานของเครื่องหมายการค้าทั้งสองแตกต่างชัดเจน นอกจากนี้เครื่องหมายการค้าของจำเลยและโจทก์ก็มีลักษณะตัวอักษรและจำนวนอักษรไล่เลี่ยกันมากแม้จะแตกต่างกันบ้างแต่ก็เป็น ข้อแตกต่างเพียงเล็กน้อยซึ่งจะต้องใช้ความสังเกตจึงจะพบเห็นได้ นอกจากนี้ ก่อนเกิดเหตุประมาณ ๓ เดือน จำเลยได้ไปยื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าสำหรับใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกันนี้มาแล้วครั้งหนึ่งโดยจำเลยขอ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า FARROW ซึ่งตัว F เป็นอักษรประดิษฐ์ ส่วนตัวอักษรอื่นเหมือนกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์ทั้งหมด แต่จำเลยก็ละทิ้งคำขอดังกล่าว แล้วมายื่นคำขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าใหม่เป็นคำว่า MARROW แทน ซึ่งมีส่วนคล้ายกับเครื่องหมายการค้า ARROW ของโจทก์ดังวินิจฉัยแล้วข้างต้น พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าวจึงชี้ให้เห็นว่าจำเลยจงใจที่จะลอกเลียนแบบเครื่องหมายการค้าของโจทก์เพื่อกิจการค้าของจำเลยโดยแท้ และอาจทำให้ผู้ซื้อสินค้าเกิดความสับสนหรือหลงผิดว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยคือเครื่องหมายการค้าอีก เครื่องหมายหนึ่งของโจทก์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในหมู่ผู้ซื้อที่ไม่ทันสังเกตหรือเป็นผู้ที่ไม่สัดทัดจัดเจนในภาษา ต่างประเทศ แม้ราคาของสินค้าของจำเลยกับสินค้าของโจทก์จะแตกต่างกันดังที่จำเลยนำสืบ ก็ไม่ใช่เหตุผลที่จำเลย จะยกขึ้นอ้างเป็นข้อต่อสู้ในกรณีนี้ได้ เพราะผู้ซื้ออาจหลงผิดไปว่าเป็นสินค้าลดราคาของโจทก์ก็ได้ เมื่อนำมาพิจารณาประกอบกับข้อที่ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยใช้กับสินค้าจำพวกเดียวกับสินค้าของโจทก์ จึงนับได้ว่าเครื่องหมายการค้าของจำเลยดังกล่าวคล้ายกับเครื่องหมายการค้าของโจทก์จนอาจทำให้สาธารณชนสับสนหรือหลงผิดในความเป็นเจ้าของของสินค้าหรือแหล่งกำเนิดของสินค้า เครื่องหมายการค้าของจำเลยจึงไม่ใช่เครื่องหมายการค้าที่ นายทะเบียนเครื่องหมายจะพึงรับจดทะเบียนให้ได้ตามพระราชบัญญัติเครื่องหมายการค้า พ.ศ. ๒๕๓๔ มาตรา ๖ (๓) และ ๑๓ (๒) จำเลยย่อมไม่มีสิทธิใช้และขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า MARROW ได้ กรณีถือได้ว่าโจทก์ซึ่งใช้และ จดทะเบียนเครื่องหมายการค้า ARROW มาก่อนจำเลยมีสิทธิในเครื่องหมายการค้าดังกล่าวดีกว่าจำเลยและโจทก์มีอำนาจฟ้องขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าดังกล่าวของจำเลยได้ ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้โจทก์มีสิทธิในเครื่องหมายการค้าคำว่า MARROW ดีกว่าจำเลย จึงต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาแผนกทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกข้อ
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนทะเบียนเครื่องหมายการค้าคำว่า MARROW ตามคำขอจดทะเบียนเลขที่ ๓๖๙๘๕๑ ทะเบียนเลขที่ ค๙๒๔๘๔ กับห้ามจำเลยใช้เครื่องหมายการค้าคำว่า MARROW สำหรับสินค้าของจำเลยใน รายการสินค้าที่อยู่ในจำพวกเดียวกับที่โจทก์จดทะเบียนไว้ คำขออื่นนอกจากนี่ให้ยก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตาม คำพิพากษาศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง กับให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นอุทธรณ์ ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์