คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3340/2550

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทโดยนอกจากมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตาม ป.อ. มาตรา 157 แล้วยังมีความผิดต่อ พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ฯ มาตรา 59 ซึ่งบัญญัติให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่ต่ำกว่าสี่ปีและไม่เกินแปดปีด้วย อันเป็นมาตรการที่มุ่งจะจำกัดสิทธิของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งซึ่งกระทำหน้าที่โดยทุจริตไม่ใช่โทษตามกฎหมาย ดังนั้น เมื่อศาลลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตาม ป.อ. มาตรา 157 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตาม ป.อ. มาตรา 90 ศาลก็ต้องสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ด้วย ตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้โดยไม่อาจใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่นได้ มิฉะนั้นจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 3 กรกฎาคม 2542 เวลากลางวัน ถึงวันที่ 4 กรกฎาคม 2542 เวลากลางวัน วันเวลาใดไม่ปรากฏชัด จำเลยทั้งเจ็ดและนายสุชาติจำเลยที่ 1 ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6100/2542 ของศาลชั้นต้น ซึ่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งกรรมการตรวจคะแนน และกรรมการตรวจคะแนนไปพลางก่อนในการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางปู ประจำหน่วยเลือกตั้งที่ 15 เขตเลือกตั้งที่ 3 กับพวกอีกหลายคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง ได้ร่วมกันลงเครื่องหมายกากบาทในช่องเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครหมายเลข 2 ในบัตรเลือกตั้ง จำนวน 100 ใบ นำไปวางไว้ที่โต๊ะกรรมการตรวจคะแนนเพื่อเตรียมนำบัตรเลือกตั้งดังกล่าวหย่อนลงไปในหีบบัตรเลือกตั้ง ร่วมกันลงเครื่องหมายกากบาทในช่องเครื่องหมายประจำตัวผู้สมัครหมายเลขใดไม่ปรากฏชัดในบัตรเลือกตั้ง จำนวน 303 ใบ หย่อนลงไปในหีบบัตรเลือกตั้ง และร่วมกันจดหมายเลขของบัตรประจำตัวประชาชนผู้เลือกตั้งลงในบัญชีรายชื่อผู้เลือกตั้งจำนวน 409 หมายเลข ก่อนที่จะเปิดการเลือกตั้งเพื่อให้เข้าใจว่ามีผู้เลือกตั้งมาใช้สิทธิแล้วจำนวน 409 คน เมื่อถึงเวลาลงคะแนนจะได้เปิดการลงคะแนนโดยไม่เปิดหีบบัตรเลือกตั้ง แสดงให้เห็นว่าเป็นหีบเปล่าแล้วปิดหีบบัตรเลือกตั้ง ไม่ประกาศว่าเริ่มลงคะแนนได้แล้ว การกระทำของจำเลยทั้งเจ็ดกับพวกเป็นการปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เทศบาลตำบลบางปู นายอำเภอเมืองสมุทรปราการและผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเพื่อช่วยเหลือผู้สมัครหมายเลข 2 ให้ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบางปู จงใจทำรายงานการเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง จงใจไม่ปฏิบัติการตามหน้าที่ หรือกระทำการโดยเจตนาขัดขวางมิให้การเป็นไปตามกฎหมาย กฎข้อบังคับอันเกี่ยวแก่การเลือกตั้ง ลงเครื่องหมายในบัตรเลือกตั้งซึ่งมิใช่ของตนโดยเจตนาทุจริต ลงคะแนนเลือกตั้งหรือพยายามลงคะแนนโดยรู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิเลือกตั้งหรือไม่มีสิทธิลงคะแนนในหน่วยเลือกตั้งนั้น ทอดบัตรและพยายามทอดบัตรมากกว่าบัตรหนึ่งหรือมากกว่าครั้งหนึ่งในการลงคะแนนเลือกตั้ง ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 4, 29, 32, 33, 43, 45, 47, 59, 60, 71, 72 และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจำเลยทั้งเจ็ดตามกฎหมาย
จำเลยทั้งเจ็ดให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 59, 60, 71, 72 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 มีกำหนดคนละ 4 ปี ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 7
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 59 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 2 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพในชั้นจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน ข้อหาและคำขออื่นให้ยก ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 และที่ 4 ถึงที่ 6 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์เพียงข้อเดียวว่า ศาลต้องสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 และที่ 3 หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้ว่า การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทโดยนอกจากมีความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แล้ว ยังมีความผิดต่อพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 59 ซึ่งบัญญัติให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่ต่ำกว่าสี่ปีและไม่เกินแปดปีด้วย อันเป็นมาตรการที่มุ่งจะจำกัดสิทธิของเจ้าพนักงานผู้ดำเนินการเลือกตั้งซึ่งกระทำหน้าที่โดยทุจริตไม่ใช่โทษตามกฎหมายดังนั้น เมื่อศาลลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดเพียงบทเดียวตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ศาลก็ต้องสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 และที่ 3 ด้วยตามที่กฎหมายบัญญัติบังคับไว้โดยไม่อาจใช้ดุลพินิจเป็นอย่างอื่นได้ มิฉะนั้นจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำขอของโจทก์ในส่วนนี้ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
อนึ่ง ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ได้มีพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 มาตรา 3 ให้ยกเลิกพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 และให้ใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้แทน ซึ่งมาตรา 75 และ 78 พระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2545 บัญญัติให้การกระทำของจำเลยที่ 1 และที่ 3 เป็นความผิดและมีบทลงโทษตามมาตรา 118 และ 126 ที่หนักกว่าพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล พ.ศ.2482 มาตรา 59 ไม่เป็นคุณแก่จำเลย จึงต้องใช้กฎหมายเดิมบังคับ”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งของจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีกำหนดคนละ 4 ปีด้วย นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1

Share