แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ 2 ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์คันเกิดเหตุ แต่ไม่ได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันเกิดเหตุในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้น อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดในการละเมิดของจำเลยที่ 1 ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุน ซึ่งจะต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบ จึงไม่ต้องรับผิดด้วย
(อ้างคำพิพากษาฎีกาที่ 2571/2519)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๘ ม – ๗๗๑๖ จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ๗ น – ๒๖๒๖ เมื่อวันที่ ๑๑ พฤษภาคม ๒๕๒๒ นายชาญขับรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๘ ม – ๗๗๑๖ ไปตามถนนสุขสวัสดิ์ ตามหลังรถยนต์หมายเลขทะเบียน น.บ.๐๕๑๑๐ ครั้นถึงหน้าตลาดสุขสวัสดิ์ จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ๗ น – ๒๖๒๖ ด้วยความประมาท เป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน น.บ.๐๕๑๑๐ นายชาญได้หักพวงมาลัยรถที่ตนขับไปทางซ้ายและชนกับรถที่จำเลยที่ ๑ ขับ ทำให้รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ๘ ม – ๗๗๑๖ เสียหาย เป็นเงิน ๑๔,๓๐๗ บาท โจทก์จ่ายค่าซ่อมไปแล้วจึงรับช่วงสิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวจากจำเลยทั้งสอง ขอให้พิพากษาและบังคับ
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า เหตุที่เกิดขึ้นเป็นความประมาทของผู้ขับขี่รถหมายเลขทะเบียน ๘ ม – ๗๗๑๖ แต่ฝ่ายเดียว ค่าเสียหายไม่เกิน ๘,๐๐๐ บาทและต่อสู้ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นสั่งรับอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ฎีกาว่าฟ้องโจทก์เคลือบคลุม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๒ ให้รับผิดในฐานะที่เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกหมายเลขทะเบียน ๗ น – ๒๖๒๖ คันเกิดเหตุ แต่โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าจำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์คันเกิดเหตุในฐานะอะไร หรือมีนิติสัมพันธ์อย่างไรกับผู้เอาประกันภัยรถยนต์คันนั้น อันจะเป็นเหตุให้ผู้เอาประกันภัยต้องร่วมรับผิดในการละเมิดของจำเลยที่ ๑ ฟ้องของโจทก์จึงไม่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหา เมื่อฟ้องของโจทก์มิได้บรรยายถึงเหตุที่จะให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดแล้ว จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้รับประกันภัยค้ำจุนซึ่งจะต้องใช้ค่าสินไหมก็ต่อเมื่อผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบจึงไม่ต้องรับผิดด้วย ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๒๕๗๑/๒๕๑๙
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยที่ ๒ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์