คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3308/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชีได้ยักยอกเงินของทางราชการไปในระหว่างที่จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งหัวหน้าส่วนราชการ โจทก์ได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่ง คณะกรรมการได้ทำบันทึกเสนอโจทก์ผ่านกองวิชาการว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดด้วย แม้โจทก์จะไม่ได้เซ็นทราบในความเห็นนี้ แต่การที่กองวิชาการบันทึกเสนอความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติมเพื่อที่จะรู้ว่ายังมีใครอีกบ้างที่จะต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดและโจทก์ได้มีคำสั่งในบันทึกดังกล่าวเห็นชอบด้วยถือได้ว่าโจทก์ทราบตัวบุคคลผู้ที่จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วในวันนั้น โจทก์ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนดเวลา 1 ปีนับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช่ค่าสินไหมทดแทน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา448

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า เดิมจำเลยที่ 1 เป็นหัวหน้าสำนักงานที่ดินจังหวัดอุดรธานี มีหน้าที่ควบคุมดูแลตรวจสอบการปฏิบัติงานของผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคนให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบแบบแผนของทางราชการอย่างเคร่งครัด แต่จำเลยที่ 1 ไม่ควบคุมตรวจตราดูแลการปฏิบัติราชการของผู้ใต้บังคับบัญชาโดยใกล้ชิด เป็นเหตุให้จำเลยที่ 2 ซึ่งดำรงตำแหน่งเจ้าหน้าที่การเงินและบัญชี 2 และเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1ยักยอกเงินราชการของสำนักงานที่ดินจังหวัดอุดรธานีของโจทก์ไปในระหว่างวันที่ 9 กรกฎาคม 2516 ถึงวันที่ 4 ตุลาคม 2519 รวม 201 ครั้งเป็นเงิน 1,353,013 บาท จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชาต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 2 โจทก์ทราบการกระทำผิดและรู้ตัวบุคคลที่จะต้องรับผิดต่อโจทก์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2521 และติดใจให้จำเลยทั้งสองรับผิดเพียง 763,875.75 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้เงิน763,875.75 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยที่ 1 ให้การว่า ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังโดยปฏิบัติตามกฎหมายระเบียบและข้อบังคับมิได้ประมาทเลินเล่อจำเลยที่ 2 จะทุจริตยักยอกเงินของโจทก์ตามฟ้องจริงหรือไม่ ไม่ทราบไม่รับรอง โจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปีนับแต่วันรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนคดีของโจทก์จึงขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง

จำเลยที่ 2 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า คดีของโจทก์ในส่วนที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 1ขาดอายุความ พิพากษาให้ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 1 ให้จำเลยที่ 2 ใช้เงินแก่โจทก์ 763,875.75 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่า ระหว่างที่จำเลยที่ 2ดำรงตำแหน่ง ได้ทุจริตต่อหน้าที่ราชการยักยอกเงินค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมและเงินอื่น ๆ ของทางราชการไป โจทก์จึงมีคำสั่งที่ 1011/2520 ลงวันที่ 3 ตุลาคม 2520 แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่ง ต่อมาวันที่ 26 ธันวาคม 2520 คณะกรรมการจึงทำบันทึกเสนอโจทก์ผ่านกองวิชาการว่าจำเลยที่ 2 ยักยอกเงินไป1,604,438 บาท แต่ในช่วงที่จำเลยที่ 1 ดำรงตำแหน่งมีการทุจริต1,355,347 บาท ซึ่งจำเลยที่ 1 จะต้องร่วมรับผิดชอบด้วย นอกจากนั้นยังมีบุคคลอื่นรับผิดชอบด้วยบางส่วน กองวิชาการเสนอบันทึกดังกล่าวต่อโจทก์พร้อมกับขอให้สั่งสอบสวนเพิ่มเติม รวมทั้งให้สรุปและมีความเห็นด้วยว่า ใครควรจะต้องรับผิดชอบมากน้อยเพียงใด ก่อนหรือหลังอย่างไรโดยเหตุผลอย่างไร และโจทก์มีคำสั่งลงวันที่ 18 มกราคม 2521 เห็นชอบกับความเห็นของกองวิชาการ ต่อมาวันที่ 25 เมษายน 2521 คณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดในทางแพ่งทำบันทึกเสนอโจทก์ผ่านกองวิชาการอีกว่าได้สอบสวนเพิ่มเติมเสร็จแล้ว มีความเห็นให้จำเลยที่ 1 รับผิดชอบเท่าเดิม ส่วนคนอื่นเปลี่ยนแปลงบ้าง แต่กองวิชาการทำบันทึกถึงโจทก์เสนอความเห็นให้สอบเพิ่มเติมอีก และโจทก์มีคำสั่งเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม2521 เห็นชอบให้คณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมอีกครั้ง เมื่อคณะกรรมการสอบสวนเพิ่มเติมแล้วก็เสนอผ่านกองวิชาการอีก กองวิชาการทำบันทึกเสนอโจทก์เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2521 ว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิด763,875.75 บาท และโจทก์มีคำสั่งในวันเดียวกันเห็นชอบด้วย และโจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2522 แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่าคดีนี้โจทก์รู้ถึงการละเมิดแล้วอย่างน้อยตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2520 ซึ่งเป็นวันที่โจทก์แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนหาตัวรู้รับผิดชอบในทางแพ่งส่วนตัวผู้จะพึงต้องใช้ค่าสินไหมทดแทนนั้น เห็นว่า เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้สอบสวนแล้วมีความเห็นว่า จำเลยที่ 1 ในฐานะหัวหน้า ส่วนราชการจะต้องรับผิดชดใช้เงิน 1,355,347 บาท แม้โจทก์จะไม่ได้เซ็นทราบในความเห็นนี้ แต่การที่กองวิชาการบันทึกเสนอความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติมโจทก์ก็มีคำสั่งในบันทึกดังกล่าว เห็นชอบด้วยเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2521จึงต้องถือว่าโจทก์ทราบตัวบุคคลผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนแล้วเมื่อวันที่ 18มกราคม 2521 นอกจากนี้เมื่อคณะกรรมการสอบสวนหาตัวผู้รับผิดชอบทางแพ่งสอบสวนเพิ่มเติมแล้วก็บันทึกเสนอความเห็นมาอีกครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 25เมษายน 2521 ว่า จำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชอบเท่าเดิม การที่กองวิชาการบันทึกเสนอความเห็นให้สอบสวนเพิ่มเติมอีก เป็นแต่เพียงวิธีการที่จะรู้ว่ายังมีใครอีกบ้างที่จะต้องรับผิดเป็นจำนวนเท่าใดเท่านั้น หาใช่โจทก์ยังไม่รู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทนไม่ มิฉะนั้นอายุความหนึ่งปีที่กำหนดไว้ก็จะขยายออกไปได้เรื่อย ๆ แล้วแต่ความล่าช้าในการดำเนินการของโจทก์ การที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลา 1 ปี นับแต่วันที่รู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้จะพึงใช้ค่าสินไหมทดแทน คดีของโจทก์จึงขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448

พิพากษายืน

Share