คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 281/2505

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การจะนับโทษจำคุกจำเลย ต่อจากคดีเรื่องอื่นหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล หากปรากฏว่า จำเลยได้รับโทษในคดีเรื่องอื่นถึงจำคุกตลอดชีวิตอยู่แล้ว โดยปกติเมื่อไม่มีเหตุพิเศษ ศาลก็ไม่นับโทษต่อให้ (ประชุมใหญ่ ครั้งที่ 9/2505)

ย่อยาว

คดีนี้ โจทก์ฟ้องจำเลยฐานทำให้เสื่อมเสียเสรีภาพ จึบคนเพื่อสินไถ่ มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองไม่รับอนุญาต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๐๙, ๓๑๐, ๓๑๓, ๘๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ มาตรา ๗, ๗๒ ขอให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีอาญาหมายเลขแดง ที่ ๔๒/๒๕๐๓ ของศาลมณฑลทหารบกที่ ๔ (ศาลจังหวัดแม่สอด) และริบของกลาง
จำเลยรับสารภพ และรับว่า เป็นจำเลยคนเดียวกับจำเลยในคดีอาญากหมายเลขแดงที่ ๔๒/๒๕๐๓
ศาลจังหวัดแม่สอดพิพากษาว่า จำเลยกระทำผิดตามฟ้อง จำคุก ๑๐ ปี นับแต่วันต้องขังในคดีนี้ ริบของกลาง คำขอโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ขอให้นับโทษต่อจากคดีอาญา หมายเลขแดงที่ ๔๒/๒๕๐๓
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ไม่นับโทษต่อชอบแล้ว พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ขอให้นับโทษต่อจากคดีก่อน
ศาลฎีกาได้วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า การจะให้นับโทษจำเลยตั้งต้นแต่เมื่อใด เป็นดุลยพินิจของศาล การจะให้นับโทษต่อจากคดีเรื่องอื่นหรือไม่ จึงอยู่ในดุลยพินิจของศาลเช่นเดียวกัน เมื่อปรากฏว่า ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๔๒/๒๕๐๓ของศาลมณฑลทหารบอกที่ ๔ (ศาลจังหวัดแม่สอด) จำเลยได้รับโทษจำคุกถึงตลอดชีวิตยู่แล้ว โดยปกติเมื่อไม่มีเหตุพิเศษ ศาลก็ไม่นับโทษต่อจากคดีเรื่องก่อนด ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่นับโทษจำเลยในคดีนี้ต่อจากคดีอาญาหมายเลข แดงที่ ๔๒/๒๕๐๓ จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
จึงพิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์

Share