แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สิทธิในการยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.อ.มาตรา 216 เป็นสิทธิเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละฝ่าย โจทก์ร่วมจะทำเป็นคำร้องขอถือเอาฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาของโจทก์ร่วมและขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของโจทก์ไม่ได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 340, 340 ตรี, 83ริบของกลางและให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฏิเสธ
ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง จำคุก 20 ปีของกลางริบ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์เป็นเงิน 109,500 บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง ริบผ้าขาวม้าของกลางนอกนั้นให้คืนเจ้าของ
โจทก์ฎีกา
โจทก์ร่วมยื่นคำร้องขอถือเอาฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาของโจทก์ร่วมและขออนุญาตแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องฎีกาของโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สิทธิในการยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา มาตรา 216 นั้น เป็นสิทธิเฉพาะตัวของคู่ความแต่ละฝ่าย โจทก์ร่วมจะถือเอาฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาของโจทก์ร่วมและขอแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของโจทก์ไม่ได้ การที่ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ร่วมถือเอาฎีกาของโจทก์เป็นฎีกาของโจทก์ร่วมและอนุญาตให้โจทก์ร่วมแก้ไขเพิ่มเติมฎีกาของโจทก์นั้นไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย แล้วฟังข้อเท็จจริงว่า พยานหลักฐานโจทก์มีข้อสงสัยตามสมควรว่าจำเลยจะมิได้กระทำผิดควรยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย
พิพากษายืน.