คำสั่งคำร้องที่ 1405/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ ทนายจำเลยและทนายจำเลยร่วมแถลงคัดค้าน (อันดับ 95)
ระหว่างพิจารณาศาลชั้นต้นมีคำสั่งเรียกนางสาวชุมพร พรหมมาวินเข้ามาเป็นจำเลยร่วมตามคำร้องขอของโจทก์
คดีสืบเนื่องจากโจทก์จำเลยและจำเลยร่วมได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยร่วมตกลงโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 66 หมู่ที่ 1 ตำบลแม่แรมอำเภอแม่ริมจังหวัดเชียงใหม่ เนื้อที่ 64 ตารางวา ให้โจทก์และโจทก์จะชำระเงินค่าที่ดินให้จำเลยที่ 2(น่าจะเป็นจำเลยร่วม) ตามราคาซื้อขายในสัญญาพิพาทเป็นจำนวนเงิน 200,000 บาท และค่าเสียหายอีกจำนวน100,000 บาท โจทก์จำเลยและจำเลยร่วมตกลงจะไปทำการจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวและชำระเงินพร้อมกันในวันที่ 20 ตุลาคม2532 เวลา 11 นาฬิกา ณ สำนักงานที่ดินอำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ หากโจทก์ไม่ไปรับโอนพร้อมกับชำระค่าที่ดินทั้งหมดให้แก่จำเลยร่วมตามกำหนดให้ถือว่าโจทก์ผิดนัด โจทก์จะไม่ติดใจฟ้องร้องใด ๆ เกี่ยวกับจำเลยและจำเลยร่วมและที่ดินแปลงนี้อีกต่อไป และหากจำเลยไม่ไปทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามกำหนด ยินยอมให้โจทก์ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาโอนของจำเลยและจำเลยร่วมแทนได้ทันที (อันดับ 44) ศาลชั้นต้นได้พิพากษาคดีไปตามยอมแล้วต่อมาจำเลยร่วมยื่นคำแถลงว่า โจทก์ไม่ไปยังสำนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมตามสัญญาประนีประนอมยอมความโดยจำเลยรออยู่จนถึงเวลา12 นาฬิกา เป็นการผิดสัญญาประนีประนอมยอมความ จำเลยจึงไม่ต้องโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทดังกล่าวให้โจทก์ และขอให้แจ้งเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมงดเว้นจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่โจทก์ด้วยศาลชั้นต้นสั่งว่าจัดการให้ แต่ในวันเดียวกันนั้น โจทก์ยื่นคำร้องว่า โจทก์มอบหมายให้ทนายโจทก์ไปที่สำนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมถึงเมื่อเวลา 10.45 นาฬิกา เพื่อแจ้งให้ทนายจำเลยทราบว่าโจทก์กำลังดำเนินการให้ธนาคารออกเช็คให้และจะเดินทางตามมาจนกระทั่งเมื่อเวลา 12.10 นาฬิกา โจทก์เดินทางมาถึงพร้อมทั้งเช็คและเงินสดเพื่อชำระให้จำเลยแต่จำเลยไม่ยอมดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าวให้ตามสัญญาประนีประนอมยอมความ ขอให้บังคับเจ้าพนักงานที่ดินอำเภอแม่ริมดำเนินการจดทะเบียนโอนสิทธิในที่ดินให้โจทก์
ศาลชั้นต้นนัดสอบถามแล้วมีคำสั่งว่าโจทก์เป็นผู้ผิดนัด (อันดับ 54)
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 87,89)

คำสั่ง
คำร้องของผู้ร้องพอแปลได้ว่า ผู้ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ระหว่างพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรห้ามจำเลยทำนิติกรรมใด ๆ เกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างฎีกา ให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้พนักงานเจ้าหน้าที่ทราบ

Share