คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2328/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในคดีที่โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ฐานร่วมกับจำเลยที่ 2ลักทรัพย์หรือรับของโจรเศษเหล็ก เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติได้ว่าจำเลยที่ 1 ไม่ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ลักเอาเศษเหล็ก และไม่ทราบว่าเศษเหล็กดังกล่าวที่ซื้อไว้จากจำเลยที่ 2 ที่บรรทุกใส่รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เมื่อจำเลยที่ 1กับภรรยามายื่นคำร้องขอคืนรถยนต์ของกลาง จึงเป็นผลให้รับฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 กับภรรยาไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์ของกลางในการกระทำความผิด ต้องคืนรถยนต์ของกลางแก่จำเลยที่ 1กับภรรยา.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาโจทก์ฟ้องนาย กฤษดา เลอศักดิ์วณิชกุล ผู้ร้องที่ 1 และนางจำนงค์ จำนองบุตร เป็นจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามลำดับในข้อหาร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจทก์ จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ ส่วนจำเลยที่ 1 (ผู้ร้องที่ 1) ให้การปฏิเสธศาลจึงมีคำสั่งจำหน่ายคดีจำเลยที่ 1 ให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานลักทรัพย์และสั่งริบรถยนต์หมายเลขทะเบียน 3 ม – 0168 กรุงเทพมหานคร ของกลาง
ผู้ร้องทั้งสองยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องทั้งสองเป็นสามีภรรยากันรถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องทั้งสองซึ่งได้มาระหว่างสมรส ผู้ร้องทั้งสองมิได้รู้เห็นเป็นใจในการกระทำความผิดของจำเลยที่ 2ขอให้สั่งคืนรถยนต์ของกลางแก่ผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์คัดค้าน
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว มีคำสั่งให้คืนรถยนต์ของกลางให้แก่ผู้ร้องทั้งสอง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของผู้ร้องทั้งสอง
ผู้ร้องทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงซึ่งไม่มีข้อโต้แย้งในชั้นฎีการับฟังได้ว่าผู้ร้องทั้งสองเป็นสามีภรรยากันโดยชอบด้วยกฎหมาย รถยนต์ของกลางเป็นของผู้ร้องทั้งสองซึ่งได้มาระหว่างสมรส มี ปัญหาว่าผู้ร้องทั้งสองรู้เห็นเป็นใจใช้รถยนต์ของกลางกระทำความผิดกับจำเลยที่ 2 หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว โจทก์ได้ฟ้องผู้ร้องที่ 1 กล่าวหาว่าผู้ร้องที่ 1 กับพวกจำเลยที่ 2 ในคดีหมายเลขแดงที่ 411/2532 ของศาลชั้นต้นเป็นคนร้ายร่วมกันลักเอาเศษเหล็กของกลาง หรือมิฉะนั้นผู้ร้องที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ได้ร่วมกันรับของโจร โดยช่วยซื้อช่วยรับเอาไว้ช่วยพาเอาไปเสียซึ่งเศษเหล็กของกลางไว้จากคนร้ายแล้วนำมาบรรทุกรถยนต์ของกลาง โดยผู้ร้องที่ 1 กับพวกรู้อยู่แล้วว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ ศาลชั้นต้นได้พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า คดียังไม่พอรับฟังว่าผู้ร้องที่ 1 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ลักเอาเศษเหล็กของกลางและรับซื้อเศษเหล็ก ของกลางโดยรู้อยู่ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนข้อเท็จจริงจึงฟังเป็นยุติได้ว่า ผู้ร้องที่ 1 ได้ได้ร่วมกับจำเลยที่ 2 ลักเอาเศษเหล็กของกลาง และไม่ทราบว่าเศษเหล็กของกลางที่ซื้อไว้จากจำเลยที่ 2 ที่บรรทุกใส่รถยนต์ของกลางเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ จึงเป็นผลให้รับฟังได้ว่าผู้ร้องทั้งสองไม่ได้รู้เห็นเป็นใจกับจำเลยที่ 2 ใช้รถยนต์ของกลางในการกระทำความผิด
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share