คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3288/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องบังคับให้จำเลยชำระเงินที่กู้ยืมไปพร้อมดอกเบี้ยการที่จำเลยให้การและนำสืบอ้างว่า จำเลยได้ชำระเงินที่กู้ยืมให้โจทก์แล้วโดยมอบให้แก่ ล. ซึ่งขอกู้เงินจำนวนนี้จากโจทก์ตามคำสั่งของโจทก์ ดังนี้ มิใช่กรณีแปลงหนี้ใหม่ด้วยการเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 350 กรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรค 2 เมื่อจำเลยกู้ยืมเงินโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่ไม่มีหลักฐานตามที่มาตรา 653 วรรค 2 กำหนดไว้ จำเลยจะนำสืบการใช้เงินหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ ๗๐,๐๐๐ บาท อัตราดอกเบี้ยตามกฎหมาย จำเลยไม่ชำระเงินกู้คืนภายในกำหนด ขอให้บังคับจำเลยชำระต้นเงินค่าเสียหายและดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยกู้เงินตามฟ้องและชำระดอกเบี้ยให้โจทก์เป็นเวลา ๗-๘ เดือน แล้วได้ชำระต้นเงินกู้คืนโจทก์ โดยโจทก์ให้จำเลยส่งมอบแก่นางเล็ก จรูญวงศ์ ซึ่งมากู้เงินจำนวนนี้จากโจทก์ไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๙๖,๒๕๐ บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงินต้น ๗๐,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าพิเคราะห์แล้วในประเด็นตามฎีกาของโจทก์นั้นแม้จะฟังข้อเท็จจริงตามที่จำเลยให้การต่อสุ้และนำสืบมาก็เป็นเรื่องที่จำเลยมีเจตนาใช้เงินยืมแก่โจทก์โดยในตอนแรกจะนำเงินเข้าฝากธนาคารในสมุดฝากเงินของโจทก์แต่ในที่สุดที่จำเลยอ้างว่าได้มอบเงิน ๗๐,๐๐๐ บาทให้นางเล็กไปนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการชำระเงินยืมให้โจทก์โดยโจทก์สั่งให้มอบแก่นางเล็กแทนนั่นเองหาใช่เป็นกรณีแปลงหนี้ใหม่ด้วยเปลี่ยนตัวลูกหนี้ตามที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๓๕๐ ไม่ ดังนั้นกรณีจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๖๕๓ วรรค ๒ ที่บัญญัติว่าในการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือนั้นจะนำสืบการใช้เงินได้ต่อเมื่อมีหลักฐานเป็นหนังสืออย่างใดอย่างหนึ่งลงลายมือชื่อผู้ให้ยืมมาแสดงหรือเอกสารอันเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมนั้นได้เวนคืนแล้วหรือได้แทงเพิกถอนลงในเอกสารนั้นแล้วคดีนี้ข้อเท็จจริงซึ่งโจทก์จำเลยรับกันได้ความว่าจำเลยกู้ยืมเงินจากโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือปรากฏตามเอกสารหมาย จ.๑ แต่จำเลยไม่มีหลักฐานตามที่กฎหมายกำหนดไว้ดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นจำเลยจะนำสืบการใช้เงินหาได้ไม่จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์แล้วที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา
พิพากษากลับให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น.

Share