คำสั่งคำร้องที่ 3006/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในส่วนของจำเลยที่ 2 โดย ลงโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี กรณีต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ 2 ทั้งข้อ ก. ข. และ ค เป็นปัญหา ข้อเท็จจริง เนื่องจากเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยาน หลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 เห็นว่า ฎีกาที่ว่า การกระทำของจำเลยที่ 2เป็นการป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย บาดแผลของจำเลยที่ 1เป็นอันตรายสาหัสหรือไม่ และการที่ศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ในปัญหาที่ว่าบาดแผลของจำเลยที่ 1เป็นอันตรายสาหัสหรือไม่ จึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 192 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกา ของจำเลยที่ 2 ไว้พิจารณาต่อไป หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297(8) สำหรับจำเลยที่ 1 นั้นเมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงในคดีประกอบ ให้วางโทษเบากว่าจำเลยที่ 2 จำคุก 6 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 นั้น ก่อนเกิดเหตุขับรถจักรยานยนต์ด้วยเสียงอันดัง เป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ของบุคคลอื่นอันเป็นต้นเหตุให้มีการทำร้ายร่างกายซึ่งกันและกัน วางโทษจำคุก 1 ปี ริบของกลาง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 และคืนมีดทำครัวของกลางแก่จำเลยที่ 1 นอกจากที่แก้ ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 173 แผ่นที่ 2) จำเลยที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 174)

คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โดยศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงเป็นยุติว่า จำเลยที่ 2 ใช้ขวดเบียร์ตีทำร้ายจำเลยที่ 1 เป็นเหตุให้จำเลยที่ 1 ได้รับอันตรายสาหัส และฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 2 บุกรุกเข้าไปในห้องของจำเลยที่ 1 แล้วทำร้ายจำเลยที่ 1 ก่อนเป็นการก่อเหตุ และทำร้ายจำเลยที่ 1 จึงมิใช่เป็นการกระทำเพื่อป้องกัน ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาในข้อ 2 ข. และ ค. ว่าพยานหลักฐานโจทก์จำเลย และข้อเท็จจริงที่ฟังเป็นยุติยังไม่ครบองค์ประกอบของบาดแผล อันเป็นอันตรายสาหัส ทั้งศาลอุทธรณ์ก็ยังมิได้วินิจฉัย ในปัญหาว่าบาดแผลของจำเลยที่ 1 เป็นอันตรายสาหัสหรือไม่ อีกด้วยนั้น เป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังเป็นยุติมา ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาในข้อ 2 ก. ว่า ตามข้อเท็จจริง ที่ศาลอุทธรณ์ฟังมาครบองค์ประกอบของการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นการโต้เถียงที่ศาลอุทธรณ์ ฟังว่าจำเลยที่ 2 กระทำอย่างไรบ้างที่จำเลยที่ 2 อ้างว่ากระทำเพื่อป้องกัน ฎีกาของจำเลยที่ 2 ทุกข้อล้วนเป็น ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ให้ยกคำร้อง

Share