แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
พระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มาตรา 29(1)และ มาตรา 9(4) ให้คณะกรรมการจำเลยมีอำนาจวางข้อบังคับและระเบียบตามที่ระบุไว้ในมาตรา 9(4) คือ จัดระเบียบว่าด้วยความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือเท่านั้น ไม่ได้ให้อำนาจคณะกรรมการออกข้อบังคับจำกัดความรับผิดค่าเสียหายที่จำเลยจักต้องรับผิด เมื่อจำเลยออกข้อบังคับจำกัดความรับผิดค่าเสียหายที่ให้ผู้ฝากสินค้ากับจำเลยต้องเสนอข้อเรียกร้องค่าเสียหายภายในกำหนด 7 วันนับแต่วันรับมอบสินค้าขึ้นฝ่ายเดียว โดยไม่ปรากฏว่าเจ้าของสินค้าได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในข้อจำกัดความรับผิดดังกล่าวจำเลยจึงไม่อาจยกข้อบังคับที่จำเลยกำหนดขึ้นมาอ้างให้พ้นความรับผิดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการท่าเรือและธุรกิจอื่นที่ต่อเนื่องกับกิจการท่าเรือจำเลยรับฝากเก็บสินค้าที่ขนถ่ายลงจากเรือเพื่อบำเหน็จตอบแทนเป็นปกติในทางการค้า อันเป็นวิธีการรับฝากของในคลังสินค้าเพื่อพิธีการทางศุลกากรนำเข้าแต่เพียงผู้เดียว เมื่อปลายปี 2524บริษัทไทยอีเลคโทรนิคอุตสาหกรรม จำกัด ได้สั่งซื้อสินค้าประเภทส่วนประกอบของเครื่องรับวิทยุจากต่างประเทศรวม 2 ครั้งโจทก์เป็นผู้รับประกันภัยความเสียหายอันอาจเกิดขึ้นกับสินค้าข้างต้นจำเลยได้รับเก็บรักษาสินค้าไว้ในคลังสินค้า โดยคิดค่าบำเหน็จตามอัตราที่จำเลยกำหนด ต่อมาสินค้าบางรายการสูญหายไปรวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 77,963.68 บาท โจทก์ได้ชำระค่าสินไหมทดแทนให้ผู้เอาประกันภัยไปครบถ้วนแล้ว จำเลยในฐานะนายคลังสินค้าผู้รับเก็บรักษาสินค้าเพื่อบำเหน็จมีหน้าที่ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายดังกล่าว โจทก์ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิได้ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับจำเลยชำระค่าเสียหาย จำนวน 77,963.68 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้รับฝากสินค้าตามฟ้อง แต่จะเป็นจำนวนกี่ชิ้น ราคาเท่าไร จำเลยไม่ทราบ จำเลยมีประกาศสงวนสิทธิจำกัดความรับผิดไว้ตามข้อบังคับที่ 7/2494 ว่าด้วยระเบียบความปลอดภัย ข้อ 57 ข. ว่า จำเลยไม่รับผิดชอบด้วยประการใด ๆในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่สินค้า หากผู้รับไม่เรียกร้องค่าเสียหายต่อจำเลยเป็นหนังสือภายใน 7 วัน นับแต่วันรับมอบสินค้าการที่บริษัทผู้รับมอบสินค้าเพิ่งเรียกร้องให้จำเลยใช้ค่าเสียหายเป็นหนังสือเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2525 จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดชอบและโจทก์ไม่มีสิทธิรับช่วงสิทธิ นอกจากนี้จำเลยยังมีระเบียบจำกัดความรับผิดด้วยว่า กรณีที่จำเลยต้องรับผิดในความเสียหายจะชดใช้ให้ตามส่วนโดยคิดราคาสินค้ารวมทั้งค่าบรรทุกและค่าประกันสินค้าในอัตราแลกเปลี่ยนของรัฐบาลแต่ไม่เกินจำนวน 5,000 บาทต่อหนึ่งหีบห่อ หรือหนึ่งลูกบาศก์เมตร หรือ 250 กิโลกรัม นอกจากเจ้าของสินค้าหรือผู้ส่งแจ้งราคาจริงของสินค้าให้จำเลยทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือ เมื่อทางบริษัทเจ้าของสินค้าหรือผู้ส่งมิได้แจ้งราคาของสินค้าให้จำเลยทราบ หากจำเลยต้องรับผิดจึงไม่ควรเกิน 5,000 บาท ต่อหนึ่งหีบห่อ การรับฝากทรัพย์จำเลยได้ใช้ความระมัดระวังเช่นวิญญูชนจะพึงกระทำแล้ว รูปคดีที่โจทก์ฟ้องเป็นเรื่องการฝากทรัพย์มิใช่เก็บของในคลังสินค้า สัญญาฝากทรัพย์สุดสิ้นแล้วแต่วันที่ 21 มกราคม 2525 ซึ่งเป็นวันที่เจ้าของสินค้ารับสินค้าไป และตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2525 สำหรับสินค้าซึ่งคู่กรณีทราบว่าสินค้าสูญหาย แต่โจทก์มิได้ฟ้องคดีภายใน 6เดือนนับแต่วันสิ้นสัญญา คดีโจทก์ขาดอายุความ และหากถือว่าเป็นเรื่องเก็บของในคลังสินค้า คดีโจทก์ขาดอายุความเช่นกัน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระค่าเสียหายจำนวน 77,963.68 บาทแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์เพียง60,698 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ส่วนฎีกาจำเลยซึ่งอ้างข้อจำกัดความรับผิดตามข้อบังคับที่ 7/2494 ว่าด้วยระเบียบความปลอดภัยการใช้ท่าเรือบริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือที่ให้ผู้รับสินค้าต้องเสนอข้อเรียกร้องค่าเสียหายภายในกำหนดเวลา7 วันนับแต่วันรับมอบสินค้านั้น เห็นว่า ข้อบังคับที่ 7 ว่าด้วยระเบียบความปลอดภัย การใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือ พ.ศ. 2494 นั้น อาศัยอำนาจตามความในพระราชบัญญัติการท่าเรือแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2494 มาตรา 29(1) และมาตรา 9(4)ให้คณะกรรมการมีอำนาจวางข้อบังคับและระเบียบการตามที่ระบุในมาตรา 9(4) คือ จัดระเบียบว่าด้วยความปลอดภัยการใช้ท่าเรือ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของกิจการท่าเรือเท่านั้น หาได้ให้อำนาจคณะกรรมการออกข้อบังคับจำกัดความรับผิดค่าเสียหายที่จำเลยจัดต้องรับผิดไม่ เมื่อข้อบังคับดังกล่าวจำเลยเป็นผู้กำหนดขึ้นฝ่ายเดียวโดยไม่ปรากฏว่าเจ้าของสินค้าได้แสดงความตกลงด้วยชัดแจ้งในข้อจำกัดนั้น จำเลยจึงไม่อาจยกขึ้นอ้างได้สำหรับฎีกาข้อสุดท้ายในประเด็นอายุความที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้ว่าโจทก์มิได้เรียกร้องให้ชดใช้ค่าเสียหายภายใน 6 เดือนนั้นเห็นว่าคดีนี้ไม่ใช่เป็นการเรียกค่าสินไหมทดแทนเกี่ยวแก่การฝากทรัพย์อันจะมีอายุความ 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 671 แต่เป็นการเรียกให้ใช้ราคาทรัพย์ซึ่งอยู่ในบังคับแห่งอายุความทั่วไปซึ่งมีกำหนด 10 ปี ฎีกาจำเลยทุกข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จำนวน68,098 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์