คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยที่ 1 ใช้เอกสารราชการปลอมไปแสดงต่อโจทก์ร่วมว่า พนักงานสอบสวนไม่มีความขัดข้องในการที่จำเลยที่ 1 จะไปขอรับเงินค่าทดแทนความเสียหายจากบริษัทประกันภัยในการที่เกิดเพลิงไหม้อาคารของจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อฉ้อโกงเงินค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในการที่อาคารที่จำเลยที่ 1 เอาประกันอัคคีภัยไว้กับโจทก์ร่วมเกิดเพลิงไหม้เสียหาย การกระทำความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและความผิดฐานพยายามฉ้อโกงของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งต้องลงโทษบทหนักตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 268,341, 91, 83, 80 และริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณา บริษัทพิพัทธ์ประกันภัย จำกัด ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต และจำเลยที่ 2ถึงแก่ความตาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำหน่ายคดีเฉพาะจำเลยที่ 2ออกจากสารบบความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 จำคุก 3 ปี ผิดตามมาตรา 341, 80 จำคุก 1 ปี เรียงกระทงลงโทษ รวมจำคุก 4 ปี ริบของกลาง
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบเอกสารปลอมของกลาง
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ทราบว่าสำเนาภาพถ่ายหนังสือของสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าวังผา ซึ่งมีข้อความว่าพนักงานสอบสวนไม่ขัดข้องในการที่จำเลยที่ 1 จะไปขอรับค่าทดแทนจากบริษัทประกันภัยและลงลายมือชื่อพันตำรวจตรีปรีชาเป็นผู้ทำหนังสือนั้นเป็นเอกสารราชการปลอม แต่นำไปใช้แสดงต่อโจทก์ร่วมเพื่อให้โจทก์ร่วมเชื่อว่าเอกสารดังกล่าวเป็นสำเนาภาพถ่ายหนังสือของสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน ที่แท้จริง จึงเป็นการใช้หรืออ้างเอกสารราชการปลอมในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม การกระทำของจำเลยที่ 1 จึงเป็นความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 268 วรรคหนึ่งและการที่จำเลยที่ 1 นำอาคารไม้ชั้นเดียวมาประกันอัคคีภัยไว้กับโจทก์ร่วมโดยแจ้งว่าเป็นอาคารไม้สองชั้น เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารดังกล่าวเสียหายหมดก็ขอรับเงินค่าสินไหมทดแทนความเสียหายจากโจทก์ร่วมโดยมิได้แจ้งให้ทราบว่าอาคารดังกล่าวเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวจึงเป็นการหลอกลวงโจทก์ร่วมด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จเพื่อให้โจทก์ร่วมจ่ายค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในฐานะที่เป็นอาคารไม้สองชั้น อันจะทำให้จำเลยที่ 1 ได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนจากโจทก์ร่วมสูงกว่าที่จำเลยที่ 1 ควรได้รับตามความเป็นจริง แต่เมื่อปรากฏว่าโจทก์ร่วมมิได้หลงเชื่อและมิได้จ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่จำเลยที่ 1 เช่นนั้นการกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นความผิดฐานพยายามฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341แต่การที่จำเลยที่ 1 ใช้เอกสารราชการปลอมไปแสดงต่อโจทก์ร่วมว่าพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านไม่มีความขัดข้องในการที่จำเลยที่ 1 จะไปขอรับเงินค่าทดแทนความเสียหายจากบริษัทประกันภัยในการที่เกิดเพลิงไหม้อาคารของจำเลยที่ 1 นั้น เป็นการกระทำโดยมีเจตนาเพื่อฉ้อโกงเงินค่าสินไหมทดแทนความเสียหายในการที่อาคารที่จำเลยที่ 1 เอาประกันอัคคีภัยไว้กับโจทก์ร่วมเกิดเพลิงไหม้เสียหาย การกระทำความผิดฐานใช้เอกสารราชการปลอมและความผิดฐานพยายามฉ้อโกงของจำเลยที่ 1 จึงเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทซึ่งต้องลงโทษบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90
พิพากษากลับ จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 268 วรรคหนึ่ง มาตรา 341 ประกอบด้วยมาตรา 80 ลงโทษตามมาตรา 268 วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 265 ซึ่งเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี และริบของกลาง

Share