คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3266/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทั้งสองกับพวกมีเจตนาจะร่วมกันทำร้าย พ. เมื่อจำเลยที่ 1 ชกต่อยและใช้มีดพกปลายแหลมแทง พ.โดยเจตนาฆ่าแล้ว ป.จะเข้าช่วยเหลือ พ. จำเลยที่ 2 ซึ่งตามจำเลยที่ 1 เข้าไปอย่างใกล้ชิดได้ใช้เก้าอี้ไม้ตี ป.เพื่อมิให้เข้าช่วย พ.ทันที แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกพากันหลบหนีไป ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 2 ได้ว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการในการที่จำเลยที่ 1 พยายามฆ่า พ.ด้วยแต่จำเลยที่2มิได้เป็นคนแทงพ. จึงสมควรลงโทษลดหลั่นจากโทษที่ลงแก่จำเลยที่ 1

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันชกต่อยและใช้มีดพกปลายแหลมเป็นอาวุธแทงนายพรสิน 1 ทีถูกที่บริเวณชายโครงโดยเจตนาฆ่า แต่นายพรสินเพียงได้รับบาดเจ็บ และจำเลยทั้งสองร่วมกันใช้เก้าอี้ตีนายประดิษฐ์ 1 ที ถูกที่บริเวณหางคิ้วซ้าย เป็นเหตุให้นายประดิษฐ์ได้รับอันตรายแก่กาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 80, 288, 295, 297

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 80, 83, 90

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ใช้เก้าอี้ตีถูกหางคิ้วซ้ายของนายประดิษฐ์เป็นการกระทำโดยลำพังของจำเลยที่ 2 เอง ฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 พยายามฆ่านายพรสิน พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 295

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยทั้งสองกับพวกโกรธนายพรสินพากันเดินตามไปแล้วเข้าทำร้ายนายพรสินทันที ย่อมถือได้ว่าจำเลยทั้งสองกับพวกกลุ่มเดียวกันมีเจตนาร่วมกันที่จะทำร้ายนายพรสิน เมื่อจำเลยที่ 1 ชกต่อยและใช้มีดพกปลายแหลมแทงนายพรสินแล้ว นายประดิษฐ์จะเข้าไปช่วยเหลือนายพรสินจำเลยที่ 2 ซึ่งตามจำเลยที่ 1 เข้าไปอย่างใกล้ชิดได้ใช้เก้าอี้ไม้ตีนายประดิษฐ์อันเป็นการทำร้ายเพื่อมิให้นายประดิษฐ์เข้าช่วยนายพรสินทันที แล้วจำเลยทั้งสองกับพวกพากันหลบหนีไป ย่อมเล็งเห็นเจตนาของจำเลยที่ 2 ได้ว่าร่วมกับจำเลยที่ 1 ทำร้ายนายพรสินด้วยกัน จำเลยที่ 2 จึงเป็นตัวการในการพยายามฆ่านายพรสินด้วย แต่จำเลยที่ 2 มิได้เป็นคนแทงนายพรสิน จึงสมควรลงโทษลดหลั่นจากโทษที่ลงแก่จำเลยที่ 1

พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share