คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3241/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์เป็นเจ้าหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์โดยจำเลยค้างชำระราคาที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึด โจทก์จึงเป็นผู้มีบุริมสิทธิเหนืออสังหาริมทรัพย์ดังกล่าว เมื่อโจทก์ไม่ได้บอกลงทะเบียนเกี่ยวกับราคาและดอกเบี้ยในราคาที่ยังค้างชำระในชั้นลงทะเบียนสัญญาซื้อขายที่ดิน บุริมสิทธินั้นย่อมสิ้นผลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 288 ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยในที่ดินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายที่ดินนั้นได้ บทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจบุริมสิทธิตามกฎหมายเป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้ร้องไม่ได้คัดค้านไว้ในชั้นอุทธรณ์ ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินโฉนดเลขที่ 2055 ตำบลนครชุม อำเภอเมืองกำแพงเพชรจังหวัดกำแพงเพชร ของจำเลยทั้งสองเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาของโจทก์ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 10462/2525 ของศาลชั้นต้นซึ่งศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองกับพวกอีกสองคนร่วมกันใช้เงินให้ผู้ร้องจำนวน 20,000,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปีนับแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2524 จนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งสองกับพวกไม่ชำระให้เอาที่ดินที่จำนองออกขายทอดตลาดชำระหนี้ให้ผู้ร้องและให้จำเลยทั้งสองกับพวกร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้ร้องโดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท แต่ราคาที่ดินที่จำเลยจำนองไว้มีราคาไม่พอชำระหนี้ให้ผู้ร้องได้ และผู้ร้องไม่สามารถเอาชำระหนี้ได้จากทรัพย์สินอื่น ๆ ของจำเลยทั้งสองอีก ผู้ร้องจึงขอเฉลี่ยเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์ในคดีนี้ โจทก์ยื่นคำคัดค้านว่า มูลหนี้ของโจทก์เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีนี้เป็นมูลหนี้ค่าขายที่ดินแปลงที่โจทก์นำยึดไว้ ซึ่งจำเลยทั้งสองค้างชำระโจทก์อยู่พร้อมดอกเบี้ย โจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273(3), 276 และมีสิทธิบังคับชำระหนี้เอาจากจำเลยทั้งสองจนเต็มจำนวนได้ก่อนเจ้าหนี้อื่นซึ่งเป็นเจ้าหนี้สามัญ ขอให้สั่งให้ผู้ร้องมีสิทธิเฉลี่ยทรัพย์ได้เฉพาะส่วนที่เหลือจากที่โจทก์บังคับได้เต็มจำนวนแล้วเท่านั้น ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว มีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยหนี้ในทรัพย์สินหรือเงินที่ขายหรือจำหน่ายทรัพย์สินในคดีนี้ได้ตามขอ โจทก์อุทธรณ์ ขอให้ผู้ร้องเข้าเฉลี่ยทรัพย์หลังจากโจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้บุริมสิทธิในมูลค่าขายอสังหาริมทรัพย์ ได้รับชำระหนี้ตามคำพิพากษาครบถ้วนแล้ว ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า แม้โจทก์จะเป็นเจ้าหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ยังค้างชำระสำหรับที่ดินแปลงพิพาทที่โจทก์นำยึดบังคับคดี โจทก์จึงเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาผู้มีบุริมสิทธิในอันจะได้รับชำระหนี้จากการบังคับคดีทรัพย์สินดังกล่าวได้ก่อนผู้ร้องผู้เป็นเจ้าหนี้สามัญตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 273(3), 276 ก็ตาม แต่สำหรับกรณีเจ้าหนี้บุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์เฉพาะอย่างดังกล่าวยังอยู่ในบทบังคับของกฎหมายที่จะต้องบอกลงทะเบียนข้อความจริงเกี่ยวกับราคาและดอกเบี้ยในราคาที่ยังค้างชำระในชั้นลงทะเบียนสัญญาซื้อขายนั้นอันแสดงเจตนารมณ์ของกฎหมายที่ประสงค์ให้ผู้ทรงบุริมสิทธิพิเศษเหนืออสังหาริมทรัพย์ของลูกหนี้ต้องจดทะเบียนบุริมสิทธิไว้มิฉะนั้นบุริมสิทธิย่อมสิ้นผลนับแต่นั้นตามนัยแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 288 ดังนั้น เมื่อโจทก์มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่ได้รับชำระหนี้ในมูลซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ที่ยังค้างชำระในฐานะเจ้าหนี้บุริมสิทธิได้ก่อนเจ้าหนี้อื่น ที่โจทก์ฎีกาคัดค้านว่าเหตุที่มิได้บอกลงทะเบียนไว้เพราะเข้าใจว่าเช็คที่จำเลยออกให้เพื่อชำระหนี้จะใช้เงินได้ครบถ้วนก็ปรากฏว่าขัดแย้งกับข้อตกลงตามสัญญาซื้อขายซึ่งระบุไว้ชัดแจ้งแล้วว่า โจทก์จะได้รับชำระราคาส่วนที่เหลือเมื่อได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของสัญญาข้อ 6 แล้ว ส่วนที่โจทก์ฎีกาประการสุดท้ายในข้อที่ผู้ร้องมิได้คัดค้านเป็นประเด็นไว้ในชั้นอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น เห็นว่า บทบัญญัติเกี่ยวกับอำนาจบุริมสิทธิตามกฎหมายเป็นบทบัญญัติที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ดังนั้น แม้ผู้ร้องมิได้คัดค้านไว้ในชั้นอุทธรณ์ศาลก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยเองได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคสอง คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share