คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3224/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 มิได้ห้ามนำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสาร การที่ศาลให้นำสืบพยานบุคคลและรับฟังพยานบุคคลนั้น จึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ผู้ว่าราชการจังหวัดโดยจำเลยที่ 2ในฐานะส่วนตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจในการควบคุมดูแลสถานบริการตามพระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ. 2509 จำเลยที่ 3 นายอำเภอเมือง โดยจำเลยที่ 4 ในฐานะส่วนตัวเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจรับคำขอต่ออายุใบอนุญาตประกอบสถานบริการเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน 2526 จำเลยที่ 5 ได้ยื่นคำขอมีใบอนุญาตและขอแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อผู้ถือใบอนุญาตสถานบริการ เอ็ม.เอ็ม.อาบ อบ นวด จากชื่อโจทก์เป็นชื่อจำเลยที่ 5 และจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4ได้ร่วมกันแก้ไขเปลี่ยนแปลงชื่อโจทก์ผู้ได้รับอนุญาต ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2520 เป็นชื่อจำเลยที่ 5 โดยจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ไม่มีอำนาจที่จะทำการแก้ไขเปลี่ยนแปลงเอกสารดังกล่าว ซึ่งเป็นเอกสารทางราชการโดยจำเลยทั้งห้าประสงค์ให้ประชาชนหลงเชื่อว่า จำเลยที่ 5 เป็นผู้ได้รับใบอนุญาต และเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2526 โจทก์ได้ยื่นคำขอต่อใบอนุญาตให้ตั้งสถานบริการต่อจำเลยที่ 3 ที่ 4 แต่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันปกปิด ซ่อนเร้นคำขอต่อใบอนุญาตของโจทก์ต่อมาวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2527 จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้ร่วมกันออกใบอนุญาตต่ออายุให้ตั้งสถานบริการแก่จำเลยที่ 5 ทั้งนี้โดยจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้เข้าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในกิจการสถานบริการดังกล่าวขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 152, 157,158, 161, 162, 264, 265, 268, 83, 86, 91 ให้ริบใบอนุญาตที่จำเลยทั้งห้ากระทำปลอมขึ้นในปี พ.ศ. 2526, 2527 เลขที่ 95/2526และเลขที่ 2/2527 ตามลำดับ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 5 เฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162 จำเลยที่ 3 ที่ 4 เฉพาะความผิดตาม มาตรา 157 ความผิดนอกนั้นไม่ประทับฟ้องจำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหาในชั้นนี้เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกามาได้แก่ ฎีกาข้อ 2.1 วรรคสุดท้ายซึ่งโจทก์ฎีกาว่า ตามหนังสือบริคณห์สนธิ บริษัทสุรินทรา จำกัดไม่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการอาบ อบ นวด และคำขออนุญาตตั้งสถานบริการของทางราชการ (ส.บ.1) กับหนังสือยินยอมของบริษัทสุรินทรา จำกัด แสดงชัดแจ้งว่าโจทก์เป็นผู้ขออนุญาตตั้งสถานอาบ อบ นวดเอ็ม.เอ็ม. ในนามส่วนตัว การที่จำเลยนำพยานบุคคลเข้าสืบว่า โจทก์ขออนุญาตตั้งสถานบริการและได้รับอนุญาตให้จัดตั้งสถานบริการอาบ อบ นวดเอ็ม.เอ็ม. เป็นการขออนุญาตและได้รับอนุญาตในนามของบริษัทสุรินทรา จำกัดและศาลอุทธรณ์ฟังตามพยานบุคคลดังกล่าว จึงเป็นการนำพยานบุคคลเข้าสืบและรับฟังพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสาร ซึ่งต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226 เป็นการไม่ชอบนั้นศาลฎีกาเห็นว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 226มิได้ห้ามนำสืบพยานบุคคลหักล้างพยานเอกสารดังที่โจทก์ฎีกาแต่อย่างใด การที่ศาลให้นำสืบ และรับฟังพยานบุคคลดังกล่าว จึงไม่ต้องห้ามตามกฎหมาย ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share