คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3220/2534

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2527 ผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้มีหนังสือถึงเจ้าหนี้ว่า โดยที่ปรากฏในสมุดบัญชีว่าเจ้าหนี้มีชื่อเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ ขอให้เจ้าหนี้ติดต่อแสดงหลักฐานการเป็นหนี้เจ้าหนี้จึงนำหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้ไปแสดง นอกจากผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้จะมิได้ปฏิเสธความรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทแล้ว ผู้ชำระบัญชียังได้มีหนังสือลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2527ถึงเจ้าหนี้แจ้งให้ไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทค. ถือได้ว่าเป็นการทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพหนี้ ตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในวันที่ 6 พฤศจิกายน 2527 และเริ่มนับใหม่ตั้งแต่วันนั้น เมื่อนับถึงวันที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ยังไม่พ้นเวลา 3 ปี สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทจึงไม่ขาดอายุความ.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของบริษัทเครดิตฟองซิเอร์เฉลิมโลก จำกัด ลูกหนี้ เด็ดขาด บริษัทเงินทุนหลักทรัพย์เงินทุนสากล จำกัด เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินจากกองทรัพย์สินของลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นว่า ตั๋วสัญญาใช้เงินของเจ้าหนี้ขาดอายุความ เห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ทางสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ความว่า เจ้าหนี้เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายประเภทบริษัทจำกัดได้รับอนุญาตจากกระทรวงการคลังให้ประกอบธุรกิจเงินทุน เมื่อวันที่28 กรกฎาคม 2526 บริษัทลูกหนี้ได้กู้ยืมเงินจากเจ้าหนี้ไป10,000,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี โดยลูกหนี้ได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินให้เจ้าหนี้ยึดถือไว้ เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินถึงกำหนดชำระ ลูกหนี้ชำระให้เฉพาะดอกเบี้ยและเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินให้ใหม่หลายครั้ง ครั้งสุดท้ายได้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาท ซึ่งเป็นตั๋วสัญญาใช้เงิน ฉบับเลขที่ 1263/2526 ลงวันที่ 13 ตุลาคม 2526จำนวนเงิน 10,000,000 บาท ดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี กำหนดชำระในวันที่ 20 ตุลาคม 2526 เมื่อตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทถึงกำหนดชำระปรากฏว่ากระทรวงการคลังมีคำสั่งควบคุมและตั้งคณะกรรมการควบคุมบริษัทลูกหนี้ และต่อมามีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้ประกอบธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์ ทำให้เจ้าหนี้ไม่ได้รับชำระหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินดังกล่าว หลังจากกระทรวงการคลังได้แต่งตั้งให้นายเติมศักดิ์ กฤษณมระเป็นผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้แล้ว วันที่ 12 มิถุนายน 2527ผู้ชำระบัญชีมีหนังสือถึงเจ้าหนี้ให้แสดงหลักฐานการเป็นหนี้เจ้าหนี้จึงนำหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้ไปแสดง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2527ผู้ชำระบัญชีแจ้งให้เจ้าหนี้นำตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทไปเปลี่ยนกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์คอมเมอร์เชียลทรัสต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่กระทรวงการคลังมอบให้เป็นผู้รับเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงิน เจ้าหนี้จึงไปยื่นขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทต่อบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์คอมเมอร์เชียลทรัสต์ จำกัด ต่อมาบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์คอมเมอร์เชียลทรัสต์ จำกัด แจ้งให้เจ้าหนี้ทราบว่า ศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดแล้ว วันที่ 18 พฤษภาคม 2530เจ้าหนี้จึงยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นค่าตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทและดอกเบี้ย จำนวน 16,085,479 บาท คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของเจ้าหนี้ว่า สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2527ผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้มีหนังสือถึงเจ้าหนี้มีใจความว่าโดยที่ปรากฏในสมุดบัญชีว่าเจ้าหนี้มีชื่อเป็นเจ้าหนี้ของลูกหนี้ขอให้เจ้าหนี้ติดต่อแสดงหลักฐานการเป็นหนี้ ตามสำเนาหนังสือขอให้ติดต่อแสดงหลักฐานการเป็นหนี้เอกสารหมาย จ.7 เจ้าหนี้จึงนำหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้ไปแสดงตามสำเนาหนังสือยื่นแสดงหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้เอกสารหมาย จ.6 นอกจากผู้ชำระบัญชีของบริษัทลูกหนี้จะมิได้ปฏิเสธความรับผิดตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทแล้ว ผู้ชำระบัญชียังได้มีหนังสือลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2527 ถึงเจ้าหนี้แจ้งให้ไปแสดงเจตนาของเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์คอมเมอร์เชียลทรัสต์ จำกัด ตามสำเนาหนังสือการเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินเอกสารหมาย จ.8 ด้วย ถือได้ว่าเป็นการทำการอันปราศจากเคลือบคลุมสงสัยตระหนักเป็นปริยายว่ายอมรับสภาพตามสิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ อายุความย่อมสะดุดหยุดลงในวันที่ 6พฤศจิกายน 2527 และเริ่มนับอายุความใหม่ตั้งแต่วันนั้น เมื่อนับถึงวันที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ (วันที่ 18 พฤษภาคม 2530)ยังไม่พ้นเวลาสามปี สิทธิเรียกร้องของเจ้าหนี้ตามตั๋วสัญญาใช้เงินพิพาทจึงไม่ขาดอายุความ ที่ศาลอุทธรณ์ตำหนิว่า ในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เจ้าหนี้ไม่ได้ให้การถึงการรับสภาพหนี้ของลูกหนี้นั้น เห็นว่า เจ้าหนี้มีนางกัลยา ม้ามณี ผู้จัดการฝ่ายเงินทุนของบริษัทเจ้าหนี้ เป็นพยานให้การในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ถึงการทำการของผู้ชำระบัญชีอันมีผลเป็นการรับสภาพหนี้อยู่แล้วว่าผู้ชำระบัญชีได้มีหนังสือให้เจ้าหนี้แสดงหลักฐานการเป็นหนี้ เจ้าหนี้จึงนำหลักฐานการเป็นเจ้าหนี้ไปแสดง หลังจากนั้นผู้ชำระบัญชีได้มีหนังสือให้เจ้าหนี้ไปแสดงเจตนาขอเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัทคอมเมอร์เชียลทรัสต์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่กระทรวงการคลังมอบให้เป็นผู้รับเปลี่ยนตั๋วสัญญาใช้เงินที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้มานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของเจ้าหนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้เจ้าหนี้ผู้ขอรับชำระหนี้ได้รับชำระหนี้จำนวน 16,085,479 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 130(8).

Share