แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา700การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะมีผลให้ผู้ค้ำประกันหลุดพ้นจากความรับผิดนั้นต้องเป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนแต่การที่จำเลยที่2ค้ำประกันจำเลยที่1ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่1ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหายจำเลยที่2ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้นมิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระณเวลาอันมีกำหนดแน่นอนจำเลยที่2จึงไม่หลุดพ้นจากการรับผิด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทำสัญญาว่าจ้างจำเลยที่ 1 เป็นผู้ขายสินค้าของโจทก์ จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกัน ระหว่างสัญญาจำเลยที่ 1เบิกสินค้าไปจำหน่ายแล้วยักยอกสินค้าและเก็บเงินค่าเช่าซื้อไปโดยทุจริต จำเลยที่ 1 ทำหนังสือรับสภาพหนี้จำนวนดังกล่าวและชำระหนี้บางส่วนแล้ว คงเป็นหนี้โจทก์ 652,205 บาท ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงินแก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1เพราะผู้แทนโจทก์หลอกว่าจำเลยที่ 1 มีความประพฤติดี จำเลยที่ 2ได้ขอถอนการค้ำประกันแล้ว โจทก์ผ่อนเวลาการชำระหนี้ให้แก่จำเลยที่ 1จำเลยที่ 2 จึงหลุดพ้นขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์652,205 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2535) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ในวงเงิน 200,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาข้อกฎหมายต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า การที่โจทก์ทำหนังสือตามเอกสารหมาย จ.9 กับจำเลยที่ 1 นั้น เป็นเรื่องที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้ อันมีผลทำให้จำเลยที่ 2 หลุดพ้นจากความรับผิดหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 700 การที่เจ้าหนี้ผ่อนเวลาให้แก่ลูกหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอน แต่การที่จำเลยที่ 2 ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ต่อโจทก์ว่าหากจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นลูกจ้างทำให้โจทก์ซึ่งเป็นนายจ้างเสียหาย จำเลยที่ 2 ยอมชดใช้ค่าเสียหายให้แก่โจทก์นั้น มิได้เป็นการค้ำประกันหนี้อันจะต้องชำระ ณ เวลามีกำหนดแน่นอน จำเลยที่ 2 จึงไม่หลุดพ้นจากความรับผิด
พิพากษายืน