คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3210/2552

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากสารบัญจดทะเบียนที่ดินได้ความว่า จำเลยที่ 2 นำที่ดินไปจดทะเบียนและเพิ่มเงินจำนองไว้แก่โจทก์หลายครั้ง คือ จำนองเป็นประกันลำดับแรกและจำนองเป็นประกันลำดับสอง ซึ่งหมายถึง มีการจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ในมูลหนี้ต่างรายกัน รวม 2 ราย ส่วนรายละเอียดของการโอนสิทธิจำนองในหนี้สินรายใดย่อมต้องปรากฏอยู่ในหลักฐานการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัท ธ. สัญญาจำนองเพื่อประกันหนี้รายใดย่อมถือว่าหนี้รายนั้นเป็นหนี้ประธาน สัญญาจำนองย่อมถือเป็นอุปกรณ์ของหนี้ประธาน ดังนั้น การโอนสิทธิรับจำนองหนี้รายหนึ่งรายใดไปให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใด ย่อมหมายถึงมีการตกลงโอนหนี้ประธานไปยังบุคคลคนนั้นแล้ว ได้ความว่า ก่อนฟ้องโจทก์โอนหนี้ของจำเลยบางส่วนไปให้แก่บริษัท ธ. และโอนสิทธิการรับจำนองลำดับที่หนึ่งไปด้วย ส่วนสิทธิจำนองคดีนี้เป็นสิทธิจำนองลำดับสอง ซึ่งศาลชั้นต้นวินิจฉัยแล้วว่า โจทก์มิได้โอนสิทธิเรียกร้องตามฟ้องไปให้แก่บริษัท ธ. ดังนั้น สิทธิจำนองลำดังสองซึ่งจำนองเป็นประกันหนี้หรือสิทธิเรียกร้องตามฟ้องย่อมไม่อาจโอนไปยังบริษัท ธ. โจทก์จึงมีสิทธิบังคับจำนองแก่ที่ดินดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสี่ร่วมกันชำระเงินจำนวน 994,641.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 554,489.98 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้จำเลยที่ 2 ไถ่ถอนจำนองที่ดินโฉนดเลขที่ 46862 พร้อมสิ่งปลูกสร้างไปจากโจทก์ด้วยการชำระหนี้ดังกล่าวหากจำเลยทั้งสี่ไม่ชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 2 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งสี่ออกขายทอดตลาด นำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งสี่ให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เนื่องจากโจทก์ได้โอนสิทธิเรียกร้องและโอนสิทธิการรับจำนองตามฟ้องคดีนี้ไปแก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ธนบุรี จำกัด แล้ว สิทธิเรียกร้องของโจทก์ที่มีต่อจำเลยทั้งสี่เป็นอันระงับไป ขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณา โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 4 ศาลอนุญาตและจำหน่ายคดีในส่วนของจำเลยที่ 4 ออกจากสารบบความ
ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 994,641.08 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 13.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 554,489.98 บาท นับถัดจากวันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2546) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ในระหว่างช่วงเวลาดังกล่าวนี้ ถ้าธนาคารแห่งประเทศไทยและธนาคารโจทก์มีประกาศกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่คิดจากลูกค้าต่ำกว่าอัตรานี้ ก็ให้คิดตามอัตราที่ประกาศนั้น แต่ต้องไม่เกินร้อยละ 13.5 ต่อปี ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 30,000 บาท คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า “…มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิบังคับจำนองแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 46862 หรือไม่ เห็นว่า ข้อเท็จจริงที่ปรากฏจากสารบัญจดทะเบียนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 46862 ได้ความว่า จำเลยที่ 2 นำที่ดินโฉนดเลขที่ 46862 ไปจดทะเบียนจำนองและเพิ่มเงินจำนองไว้แก่โจทก์หลายครั้ง คือวันที่ 6 กันยายน 2536 จำนองเป็นประกันลำดับแรกและจำนองเป็นประกันลำดับสองซึ่งหมายถึงมีการจดทะเบียนจำนองเป็นประกันหนี้ในมูลหนี้ต่างรายกัน รวม 2 ราย วันที่ 28 กรกฎาคม 2537 ขึ้นเงินจำนองเป็นประกันลำดับสองครั้งที่หนึ่ง วันที่ 4 ตุลาคม 2537 ขึ้นเงินจำนองเป็นประกันลำดับสองครั้งที่สองซึ่งรายละเอียดของวงเงินจำนองและการขึ้นเงินจำนองแต่ละครั้งจะปรากฏในสัญญาจำนองและบันทึกข้อตกลงเพิ่มเงินจำนองในแต่ละครั้งไป ส่วนรายการจดทะเบียนครั้งสุดท้ายในวันที่ 26 กรกฎาคม 2543 บันทึกว่า โอนสิทธิการรับจำนองระหว่างโจทก์กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ธนบุรี จำกัดซึ่งรายละเอียดของการโอนสิทธิจำนองในหนี้สินรายใดย่อมต้องปรากฏอยู่ในหลักฐานการโอนสิทธิเรียกร้องระหว่างโจทก์กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ธนบุรี จำกัด สัญญาจำนองเพื่อประกันหนี้รายใดย่อมถือว่าหนี้รายนั้นเป็นหนี้ประธาน สัญญาจำนองย่อมถือเป็นอุปกรณ์ของหนี้ประธาน ดังนั้น การโอนสิทธิรับจำนองหนี้รายหนึ่งรายใดไปให้แก่บุคคลหนึ่งบุคคลใดย่อมหมายถึงมีการตกลงโอนหนี้ประธานไปยังบุคคลคนนั้นแล้ว การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระหนี้ตามฟ้องแก่โจทก์ แสดงว่าศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยแล้วว่าโจทก์มิได้โอนสิทธิเรียกร้องตามฟ้องไปให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ธนบุรี จำกัด แต่อย่างใด และข้อเท็จจริงเป็นอันยุติไปตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางดังกล่าวเพราะจำเลยทั้งสามมิได้อุทธรณ์ ดังนั้นสิทธิการับจำนองลำดังสองซึ่งจำนองเป็นประกันหนี้หรือสิทธิเรียกร้องตามฟ้องย่อมไม่อาจโอนไปยังบริษัทบริหารสินทรัพย์ธนบุรี จำกัด ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า การโอนสิทธิรับจำนองในรายการจดทะเบียนของที่ดินโฉนดเลขที่ 46862 มิได้โอนสิทธิการรับจำนองเป็นประกันลำดับสองแต่อย่างใด โจทก์จึงมีสิทธิบังคับจำนองแก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 46862 ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางวินิจฉัยว่า โจทก์โอนสิทธิการรับจำนองเป็นประกันมูลหนี้ตามฟ้องให้แก่บริษัทบริหารสินทรัพย์ธนบุรี จำกัดแล้ว ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษาแก้เป็นว่า หากจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 ไม่ชำระให้ยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 46862 อันเป็นทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์หากขายทอดตลาดแล้วยังได้เงินไม่พอชำระหนี้ให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยที่ 1 ที่ 2 และที่ 3 นำออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ส่วนที่ยังขาดอยู่จนครบถ้วน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share