แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยเก็บของตกได้โดยไม่รู้ว่าเจ้าของกำลังติดตามอยู่และสถานที่ ๆ เก็บได้ก็เป็นถนนหลวง ดังนี้จำเลยมีความผิดฐานยักยอกเก็บของตกไม่ใช่ลักทรัพย์
ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ โดยฟังข้อเท็จจริงคนละอย่าง โจทก์ฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องจำเลยที่ ๑ ตาม ม.๓๑๘ , จำเลยที่ ๒ ตาม ม.๒๘๘
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีผิดตาม ม.๓๑๘ ส่วนจำเลยที่ ๒ เพียงแต่ดึงธนบัตร์ไปจากจำเลยที่ ๑ ไม่มีเถยยะจิตต์เป็นโจร ไม่มีผิดให้ยกฟ้อง
โจทก์จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ไม่เชื่อว่าจำเลยที่ ๑ เก็บธนบัตรได้ จึงพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎีกาขอใหลงโทษจำเลยทั้งสอง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ ๑ เก็บธนบัตร์ใบละพันซึ่งนางหลั่ง-เฮียงโจทก์ทำตกไว้ได้ ๑ ฉะบับ เจ้าทรัพย์รู้ตัวหลังจากทำธนบัตรตกชั่วขณะเดียวว่าธนบัตรตกหายเมื่อตนกำลังยืนคอยรถอยู่ที่ถนน จำเลยที่ ๑ เก็บได้แล้วได้นำไปให้คนอื่นๆ ดูในระหว่างที่กำลังดูกันอยู่จำเลยที่ ๒ ได้มาหยิบเอาไปเสีย ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยที่ ๑ เป็นผู้เก็บธนบัตรใบละพันไปจริง และเมื่อตามรูปคดีไม่ปรากฎว่า จำเลยที่ ๑ ได้รู้ว่าเจ้าทรัพย์กำลังติดตามอยู่ ทั้งสถานที่เก็บก็เป็นถนนหลวงเมื่อจำเลยยักยอกเอาไว้ไม่ทำตามที่กฎหมายบังคับ จำเลยก็มีความผิดฐานยักยอกเก็บของตกตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา ๓๑๘ ส่วนจำเลยที่ ๒ เห็นว่าไม่มีเถยยะจิตต์ดังศาลชั้นต้นชี้ขาด จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น