แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญาซึ่งไม่มีข้อความอันเกี่ยวกับการระงับข้อพิพาทย่อมไม่ใช่สัญญาปราณีประนอมยอมความ
เมื่อพ้นกำหนดไถ่ถอนการขายฝากแล้ว คู่สัญญามาทำสัญญากันว่าผู้ขายยอมโอนที่ให้เป็นสิทธิแก่ผู้ซื้อ และผู้ซื้อยอมให้ผู้ขายซื้อคืนได้ เมื่อผู้ขายมาฟ้องขอซื้อคืน ผู้ซื้อต่อสู้ว่าผู้ขายผิดสัญญาดังนี้ ศาลบังคับให้ผู้ขายชนะคดี โดยถือว่าเป็นคำมั่นจะซื้อขาย
ย่อยาว
ได้ความว่า โจทก์ทำสัญญาขายฝากที่นารายพิพาท ซึ่งไม่มีหนังสือสำคัญสำหรับที่ไว้กับจำเลยเมื่อวันที่ ๒๙ พฤษภาคม ๒๔๗๖ มีกำหนดไถ่คืนภายใน ๙ ปี ถ้าพ้นกำหนดนี้แล้วให้ตกเป็นกรรมสิทธิเด็ดขาดแก่จำเลย ต่อมาวันที่ ๒๗ พฤษภาคม๒๔๗๕ โจทก์ได้มอบอำนาจให้นายพนัติ เพ็ชร์พริ้มฟ้องขอไล่ที่นารายนี้ แต่ในทีสุดโจทก์กลับยื่นคำร้องต่อศาลเมื่อวันที่ ๖ มิถุนายน ๒๔๘๕ ขอถอนใบมอบอำนาจนั้น และนายพนัติได้ถอนฟ้องคดีนั้นแล้ว ครั้นวันที่ ๗ มิถุนายน ๒๔๘๘ โจทก์จำเลยได้ทำหนังสือสัญญากันเองฉบับที่หนึ่ง ถือเอกสารหมาย ๒ มีข้อความว่า “ข้อ ๑ ด้วยความสัญญาตกลงกันไว้ว่า ข้าพเจ้านางนุชยินดีขายที่ดินนาให้กับนายเซ่งฟ้องเด็ดขาด ข้อ ๒. ข้าพเจ้านายเซ่งฟ้องขอสัญญาว่าที่ดินตามราคาที่ข้าพเจ้าขอซื้อจากนางนุชนั้น ต่อไป+หน้า ถ้านาง+ขอซื้อกลับข้าพเจ้ายินดีขายให้กับนางนุชตามเดิม เท่าราคาที่ข้าพเจ้าซื้อมาจากนางนุชเป็นราคาเงิน ๑๒๐๐ บาท คนอื่นจะมาขอซื้อไม่ได้ นอกจากนางนุช” ต่อมาโจทก์จึงได้ฟ้องเป็นคดีนี้ขอให้บังคับจำเลยขายที่นาให้โจทก์ตามสัญญา จำเลยต่อสู้หลายประการและว่าสัญญาฉบับหลังนี้ เมื่อตกลงกันแล้วโจทก์ไม่โอนขายที่นาให้จำเลย สัญญาที่จำเลยทำให้ โจทก์ยึดไว้จึงยังไม่สมบูรณ์เป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นเห็นว่าเอกสารหมาย ๒ ประกอบกับคำพะยานมีลักษณะเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความ ซึ่งโจทก์จำเลยระงับข้อพิพาทในคดีที่โจทก์ฟอ้งขอไถ่ก่อน คือฝ่ายโจทก์+ฝ่ายที่นาให้จำเลยเป็นเงิน ๑๒๐๐ บาท และฝ่ายจำเลยยอมขายกลับคืนให้โจทก์ในราคาเดียวกัน ฉะนั้นสิทธิที่จะไถ่นารายนี้คืนตามสัญญาขายฝากเดิมจึงหมดไป คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยขายนาคืนตามสัญญาปราณีประนอมดังกล่าว ซึ่งโจทก์จำเลยทำขึ้นให้+กันใหม่ จำเลยจึงมีหน้าที่ต้องขายนารายพิพาทคืนให้แก่โจทก์ตามสัญญามา ๒ นั้น
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ขณะโจทก์จำเลยทำหนังสือสัญยา+นั้นเป็นเวลาเกิน ๙ ปี นับแต่วันขายฝากที่รายพิพาท ฉะนัน+เป็นกรรมสิทธิเด็ดขายแก่โจทก์แล้ว แม้ว่า โจทก์จะได้+ให้นายพนัติฟ้องขอไถ่ก่อนกำหนด ๙ ปี แต่ก็ได้ถอนฟ้องคดีนั้น+เมื่อเป็นเช่นนี้ โจทก์จะเอาที่ดินของจำเลยมาขายฝากให้จำเลย+สัญญาหมาย ๒ อีก ย่อมทำไม่ได้ ข้อความในสัญญาหมาย ๒ +ขายฝากทำกันเองเป็นโมฆะ ใช้บังคับแก่กันมิได้ ทั้งเป็น+เวลาไถ่การขายฝากเดิม ซึ่งเป็นการต้องห้าม ตาม ป.แพ่งฯ ด้วย และสัญญาหมาย ๒ นี้ ก็ไม่มีลักษณะเป็นสัญญาปราณีประนอมยอมความ โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะขอบังคับให้จำเลยขายที่ดินให้+พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาหมาย ๒ ไม่มีลักษณะปราณีประนอม เพราะไม่มีข้อความเกี่ยวแก่การระงับข้อพิพาทและไม่มีลักษณะเป็นสัญญาขายฝากหรือขยายเวลาไถ่การขาย++ย่อมได้กรรมสิทธิที่รายนี้ตามสัญญาขายฝากเดิม แต่+ ๒ มีข้อความชัดว่า เมื่อโจทก์มีเงินมาซื้อ จำเลยยินดีขายคืนตามคำมั่นจะซื้อขาย ซึ่งรับบังคับได้ฎีกาโจทก์ข้อนี้+ จึง+คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้จำเลยขายนารายพิพาท+ไม่+