แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
คดีแรกศาลพิพากษาตามยอมว่าที่พิพาทตามแผนที่เป็นของโจทก์โจทก์ฟ้องเป็นคดีที่สองให้จำเลยรังวัดแบ่งที่ดิน น.ส.3 ให้แก่โจทก์ตามแผนที่พิพาทดังกล่าว ศาลพิพากษายกฟ้องว่า เป็นฟ้องซ้ำ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีที่สามขอให้จำเลยรังวัดแบ่งแยกที่ดิน น.ส.3 อีกแม้จะอ้างว่าโจทก์มีสิทธิ์ครอบครองร่วมกับจำเลย คำฟ้องในคดีที่สองและที่สามก็เป็นเรื่องเดียวกัน เมื่อคดีที่สองยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องโจทก์คดีที่สามจึงเป็นฟ้องซ้อนตามป.วิ.พ. มาตรา 173 วรรคสอง (1).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทำการรังวัดแบ่งแยกสิทธิครอบครองเฉพาะส่วนของโจทก์ในที่ดินดังกล่าวเป็นเนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน55 ตารางวา ให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้อนกับคดีหมายเลขแดงที่594/2532 ขอให้ยกฟ้อง
วันนัดสืบพยานโจทก์ ศาลชั้นต้นสอบข้อเท็จจริงแล้วสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยโดยเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ แล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์ได้ฟ้องจำเลยเกี่ยวกับที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 187 ตำบลหนองปรือ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี ต่อศาลชั้นต้นรวม 3 สำนวน สำนวนแรก โจทก์และจำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2518 โดยจำเลยยอมรับว่าที่ดินพิพาทส่วนสีเขียวตามแผนที่พิพาทของศาลชั้นต้น เนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน55 ตารางวา เป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ จำเลยจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป ศาลพิพากษาตามยอม ปรากฏตามคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 68/2518ของศาลชั้นต้นสำนวนที่สองโจทก์ฟ้องขอให้รังวัดจัดแบ่งที่ดินดังกล่าวตามแผนที่พิพาทของศาลชั้นต้นในส่วนสีเขียว ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมดังกล่าวให้แก่โจทก์ให้ครบเนื้อที่5 ไร่ 2 งาน 55 ตารางวา ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม2532 โดยวินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 68/2518 ของศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง รายละเอียดปรากฏตามสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 594/2532 ของศาลชั้นต้น เอกสารหมายเลข ล.3 คดีดังกล่าวอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์สำนวนที่สามคือคดีนี้ ปัญหาที่ขึ้นมาสู่ศาลฎีกามีว่า ฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้อนกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 594/2532 หรือไม่ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 594/2532ขอให้จำเลยรังวัดแบ่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3)เลขที่ 187 ให้แก่โจทก์ตามแผนที่พิพาทของศาลชั้นต้นในส่วนสีเขียวให้ได้เนื้อที่ครบ 5 ไร่ 2 งาน 55 ตารางวา ตามสัญญาประนีประนอมยอมความและคำพิพากษาตามยอมในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 68/2518 ของศาลชั้นต้น แล้วโจทก์มาฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้ขอให้จำเลยรังวัดแบ่งที่ดินแปลงเดียวกันให้แก่โจทก์อีกโดยให้ได้เนื้อที่ 5 ไร่ 2 งาน55 ตารางวา เช่นเดียวกัน ดังนั้นคำฟ้องของโจทก์ทั้งสองคดีย่อมเห็นได้ว่า เป็นเรื่องเดียวกัน แม้โจทก์จะอ้างว่า โจทก์มีสิทธิครอบครองที่ดินดังกล่าวร่วมกับจำเลย แต่โจทก์ก็ไม่มีสิทธิได้ที่ดินดังกล่าวนอกเหนือไปจากที่ดินในส่วนสีเขียวตามแผนที่พิพาทของศาลชั้นต้นตามที่ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันไว้ และศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม เมื่อปรากฏว่าคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 594/2532ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์ ฟ้องโจทก์คดีนี้จึงเป็นฟ้องซ้อนกับคดีดังกล่าว ต้องห้ามมิให้ฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 173 วรรคสอง (1)”
พิพากษายืน.