คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 321/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยป่วยเป็นโรคจิตได้บุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายและใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย จากนั้นจำเลยวิ่งหลบหนีการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจเข้าไปในบ้านร้างแล้วจำเลยแกล้งยิงปืน 1 นัดและใช้เท้ากระทืบพื้น เป็นการลวงว่าจำเลยฆ่าตัวตายเพื่อให้พวกเจ้าพนักงานตำรวจขึ้นไปบนบ้าน จำเลยจะได้ยิงบุคคลเหล่านั้น แต่เมื่อผู้กำกับการตำรวจมาถึงจำเลยก็ยินยอมมอบตัวโดยดี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบและยังสามารถบังคับตนเองได้ศาลจะลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้นก็ได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง สำหรับปัญหาว่า การที่จำเลยถืออาวุธปืนบังคับให้ผู้เสียหายเปิดประตูบ้านแล้วเข้าไปในบ้านกับผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ยิงผู้เสียหายทันที แต่เพิ่งยิงผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปในห้องนอนกับจำเลยตามที่จำเลยต้องการ และกระสุนปืนถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายด้วย จะเป็นความผิดกรรมเดียวหรือหลายกรรมนั้น เห็นว่าเจตนาของจำเลยที่บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายนั้น จำเลยมิได้มีเจตนาแต่แรกที่จะเข้าไปยิงผู้เสียหายจึงเป็นความผิดสองกรรม แต่การที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย และกระสุนปืนยังไปถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายอันเป็นการทำให้เสียทรัพย์ด้วยนั้น จำเลยมีเจตนายิงผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยฐานพยายามฆ่าและทำให้เสียทรัพย์นั้นเป็นกรรมเดียวกันเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือ จำเลยได้มีอาวุธปืนสั้นขนาด .357 ซึ่งเป็นของนายเต็ก เปาอุบลย์ ผู้ซึ่งได้รับอนุญาตให้มีและใช้จากนายทะเบียนท้องที่ และมีกระสุนปืนขนาด .357 จำนวน 12 นัดไว้ในครอบครองของจำเลยโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยได้พาอาวุธปืนดังกล่าวติดตัวไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาตและมิใช่มีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์ จำเลยโดยไม่มีเหตุอันสมควรได้บุกรุกเข้าไปในบ้านอันเป็นเคหสถานที่อยู่อาศัยของนายธีระศักดิ์ จันต๊ะ ผู้เสียหายโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยมีอาวุธปืนดังกล่าว จำเลยได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงผู้เสียหายหลายนัดโดยเจตนาฆ่าแต่การกระทำนั้นไม่บรรลุผลเนื่องจากแพทย์ได้ทำการรักษาพยาบาลได้ทันท่วงที เป็นเหตุให้ผู้เสียหายได้รับอันตรายแก่กายสาหัสและจำเลยทำให้เสียหาย ทำลาย ทำให้เสื่อมค่าและไร้ประโยชน์ซึ่งทรัพย์ของผู้เสียหาย โดยจำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงกระจกหน้าต่างบ้านและโต๊ะของผู้เสียหายหลายนัดเป็นเหตุให้กระจกหน้าต่างแตก คิดเป็นค่าเสียหาย 100 บาท และทำให้โต๊ะเสื่อมค่าเพราะมีรอยกระสุนปืน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 358,364, 365, 91, 80 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ริบกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลาง ของกลางอื่นคืนให้เจ้าของ
จำเลยให้การรับสารภาพฐานมีอาวุธปืนของผู้อื่นไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับว่าได้กระทำความผิดฐานอื่นจริง แต่กระทำไปในขณะที่จำเลยไม่สามารถรู้สึกผิดชอบหรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะจำเลยเป็นโรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 80 ประกอบด้วยมาตรา 65 วรรคสอง กระทงหนึ่งจำคุก 3 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 398 ประกอบด้วยมาตรา65 วรรคสอง กระทงหนึ่ง จำคุก 15 วัน ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 365(2) ประกอบด้วยมาตรา 65 วรรคสอง กระทงหนึ่งจำคุก 15 วัน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,72 วรรคสาม ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสอง กระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา8 ทวิ วรรคหนึ่ง, 72 ทวิ วรรคสอง ประกอบด้วยประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 วรรคสอง กระทงหนึ่ง จำคุก 1 เดือน รวมจำคุก 3 ปี 3 เดือนจำเลยให้การรับสารภาพบางข้อหาและรับข้อเท็จจริงบางประการเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี 2 เดือนริบกระสุนปืน ปลอกกระสุนปืนและหัวกระสุนปืนของกลางของกลางอื่นให้คืนเจ้าของ
โจทก์จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่นบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ ส่วนความผิดฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพาอาวุธปืนติดตัวไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุสมควรให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีเหตุล่อให้เห็นว่าจำเลยจะได้รับภยันตรายใดจนเป็นเหตุให้ต้องหลบหนีเข้าไปในบ้านผู้เสียหายผู้เสียหายและจำเลยต่างไม่เคยรู้จักกันหรือมีสาเหตุกันมาก่อนเมื่อจำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายแล้ว ผู้เสียหายเพียงแต่ไม่ยอมเข้าไปในห้องนอนตามที่จำเลยต้องการ จำเลยไม่น่าจะใช้อาวุธปืนยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยต่อผู้เสียหายจึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัย ไม่น่าเชื่อว่าบุคคลผู้มีจิตเป็นปกติจะทำเช่นนั้น จำเลยเป็นเจ้าพนักงานตำรวจเพิ่งถูกย้ายมาจากจังหวัดนครศรีธรรมราช มาอยู่ที่สถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน เนื่องจากจำเลยทำคดีวิสามัญฆาตรกรรม แล้วถูกญาติผู้ตายดำเนินคดีข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาก่อนเกิดเหตุ 2 วัน จำเลยกับเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอนาหมื่นได้ไปเที่ยวที่หมู่บ้านประมงปากนาย ในเวลากลางคืน จำเลยได้แอบไปหลบซ่อนตัวอยู่ในป่าเนื่องจากจำเลยหวาดกลัวว่าจะถูกเจ้าพนักงานตำรวจที่ไปด้วยลวงจำเลยไปฆ่า และเมื่อกลับจากไปเที่ยวแล้วจำเลยมักจะเก็บตัวไม่ออกจากห้องพักเพราะกลัวว่าพวกเจ้าพนักงานตำรวจจะไปล้อมฆ่า ในเช้าวันเกิดเหตุเวลาประมาณ 9 นาฬิกา จำเลยถือกระเป๋าเดินทางไปนั่งรอรถยนต์โดยสารที่ร้านของสิบตำรวจโทสังคม จำเลยมีอาการตาแดง ใบหน้าขรึมคล้ายคนอดนอน จำเลยไม่ยอมขึ้นรถบอกว่ากลัวคนจะตามฆ่าบนรถต่อมาเวลา 11.30 นาฬิกา มีรถยนต์แล่นมาจอดที่สถานีตำรวจภูธรกิ่งอำเภอนาหมื่น จำเลยพูดว่าเขาจะฆ่าพี่แน่แล้ว จากนั้นจำเลยได้วิ่งไปที่ห้องส่งวิทยุบนสถานีตำรวจดังกล่าวมาแล้ว จากข้อเท็จจริงข้างต้นแสดงว่าจำเลยหวาดระแวงว่าจะถูกคนอื่นตามมาฆ่าเชื่อได้ว่าขณะจำเลยบุกรุกเข้าไปในบ้านผู้เสียหายและใช้อาวุธปืนยิงพยายามฆ่าผู้เสียหาย จำเลยป่วยเป็นโรคจิต แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ตามคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยว่า ในวันเกิดเหตุเมื่อจำเลยวิ่งหลบหนีการจับกุมของร้อยตำรวจเอกสุรสิทธิ์กับพวกเข้าไปในบ้านร้างไม่มีเจ้าของ (บ้านพักของสิบตำรวจโทประดิษฐ์ ศศิภัทรกุล) จำเลยได้แกล้งยิงปืน 1 นัด และใช้เท้ากระทืบพื้น เป็นการลวงว่าจำเลยฆ่าตัวตาย เพื่อให้ร้อยตำรวจเอกสุรสิทธิ์กับพวกขึ้นไปบนบ้านจำเลยจะได้ยิงบุคคลเหล่านั้น ประกอบกับเมื่อผู้กำกับการตำรวจภูธรจังหวัดน่านมาถึงจำเลยก็ยินยอมมอบตัวแต่โดยดี ตามพฤติการณ์ดังกล่าวเชื่อว่า ขณะจำเลยกระทำความผิดคดีนี้จำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบและยังสามารถบังคับตนเองได้ จึงควรลงโทษจำเลยน้อยกว่าโทษที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 วรรคสอง ส่วนที่จำเลยนำสืบรายงานความเห็นของโรงพยาบาลนิติจิตเวช นายแพทย์ธำรง ทัศนาญชลีผู้ตรวจและรักษาจำเลยตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2531 ถึงวันที่ 19 กันยายน 2531 ได้ลงความเห็นว่า จำเลยป่วยเป็นโรคจิตชนิดหวาดระแวง สันนิษฐานตามหลักวิชาการว่า ในวันเวลาเกิดเหตุจำเลยมีอาการทางจิต ป่วยเป็นโรคจิตไม่สามารถรับผิดชอบได้นั้น จำเลยไม่ได้นำนายแพทย์ธำรงมาเบิกความด้วยตนเอง นอกจากนั้นการตรวจและรักษาจำเลยก็เริ่มกระทำภายหลังจากเกิดเหตุแล้วเกือบ 2 เดือน ทั้งข้อที่ว่าจำเลยป่วยเป็นโรคจิตไม่สามารถรับผิดชอบได้ก็เป็นเพียงข้อสันนิษฐานของนายแพทย์ธำรงเท่านั้น ยังฟังเป็นแน่นอนไม่ได้ว่าขณะเกิดเหตุจำเลยไม่สามารถรับผิดชอบได้จริง ข้อนำสืบแก้ตัวของจำเลยในเรื่องนี้ยังไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ ปัญหาต่อไปการกระทำของจำเลยในข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เป็นความผิดกี่กรรม เห็นว่าขณะที่จำเลยถืออาวุธปืนบังคับให้ผู้เสียหายเปิดประตูบ้านแล้วเข้าไปในบ้านกับผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ยิงผู้เสียหายทันที แต่เพิ่งยิงผู้เสียหายเมื่อผู้เสียหายไม่ยอมเข้าไปในห้องนอนกับจำเลยตามที่จำเลยต้องการ เห็นเจตนาของจำเลยได้ว่า ที่บุกรุกเข้าไปในเคหสถานของผู้เสียหายนั้น จำเลยมิได้มีเจตนาแต่แรกที่จะเข้าไปยิงผู้เสียหาย การกระทำของจำเลยตอนนี้จึงเป็นความผิดสองกระทง ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 3987/2526 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดราชบุรี โจทก์ นายไพโรจน์หรือเบิ้ม สังวาลย์เพชรจำเลย ส่วนที่จำเลยใช้อาวุธปืนยิง และกระสุนปืนไปถูกกระจกหน้าต่างและโต๊ะของผู้เสียหายได้รับความเสียหายด้วยนั้น ในข้อนี้โจทก์มีผู้เสียหายเบิกความยืนยันว่า กระสุนปืนที่จำเลยยิงผู้เสียหายยังไปถูกกระจกหน้าต่างแตก 1 บาน และยังถูกโต๊ะรับแขกเสียหายแสดงว่าจำเลยมีเจตนายิงผู้เสียหายเป็นสำคัญ การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2พิพากษายกฟ้องข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น บุกรุกและทำให้เสียทรัพย์ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นบุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288,80, 358, 365(2) ประกอบด้วยมาตรา 364 ประกอบมาตรา 65 วรรคสองแต่การกระทำฐานพยายามฆ่าผู้อื่นและฐานทำให้เสียทรัพย์เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามมาตรา 288, 80 ประกอบมาตรา 65 วรรคสอง ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 3 ปี ฐานบุกรุกตามมาตรา 365(2) ประกอบด้วยมาตรา 364 ประกอบมาตรา 65 วรรคสองจำคุก 15 วัน รวมจำคุก 3 ปี 15 วัน คำให้การชั้นสอบสวนและชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 2 ปี10 วัน เมื่อรวมกับโทษความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาจำคุกไว้ 40 วัน แล้ว รวมจำคุกมีกำหนด2 ปี 50 วัน ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2

Share