แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา มีทางชนะคดี โปรดมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 80 แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน333,710.26 บาท พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 15 ต่อปีจากต้นเงิน 235,552.84 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง(ฟ้อง 22 กุมภาพันธ์ 2532) จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ถ้าไม่ชำระให้นำทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้ให้โจทก์ หากไม่พอให้บังคับคดีจากทรัพย์สินอื่น ของจำเลยที่ 1 ได้
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 175,653.15 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยของต้นเงินดังกล่าว โดยให้คิดดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 6 ตุลาคม 2527 ถึงวันที่ 1 มกราคม 2529 อัตราร้อยละ17 ต่อปี นับแต่วันที่ 2 มกราคม 2529 ถึงวันที่ 9 มีนาคม 2529และอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันที่ 5 มีนาคม 2529 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาชั้นต้น
โจทก์ฎีกา (อันดับ 74)
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาพร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 76,75)
จำเลยทั้งสองได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์ (อันดับ 60,63)
คำสั่ง
ถ้าศาลชั้นต้นเห็นว่าหลักทรัพย์ที่จำนอง เป็นหลักประกันเพียงพอกับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษา ศาลอุทธรณ์พร้อมดอกเบี้ยคิดถึงวันฟังคำสั่งนี้ และที่จะต้อง ชำระต่อไปอีกสองปี ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับระหว่างฎีกา หากเห็นว่าไม่พอก็ให้หาหลักประกันมาเพิ่มให้พอภายในเวลาที่ ศาลชั้นต้นเห็นสมควร มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง