คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5238/2546

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยสร้างฐานรากของโรงเรือนซึ่งเป็นส่วนที่ฝังอยู่ใต้ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ โดยมีเจตนาซ่อนเร้นปกปิดการกระทำที่ไม่ชอบของตน จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินส่วนที่รุกล้ำของโจทก์โดยเปิดเผยตาม ป.พ.พ. มาตรา 1382 ประกอบมาตรา 1401 แม้จะมีการครอบครองมานานเท่าใด จำเลยทั้งสองก็ไม่ได้สิทธิภาระจำยอมในที่ดินดังกล่าว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองรื้อถอนตอม่อ คานปูนและเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็ก ในส่วนที่บุกรุกที่ดินของโจทก์ออกไป และให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๒๐๖,๐๐๘ บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๗.๕ ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าว นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์จดทะเบียนภาระจำยอมในส่วนของตอม่อ คานปูนและเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กของจำเลยทั้งสองที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินดังกล่าว หากโจทก์ไม่ยอมให้ถือเอาคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนา
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า จำเลยทั้งสองก่อสร้างตอม่อ คานปูนและเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กรุกล้ำที่ดินของโจทก์ซึ่งซื้อมาจากนางสมศรี โดยไม่สุจริต เนื่องจากจำเลยทั้งสองทราบแนวเขตที่ดินของจำเลยทั้งสองดีแล้ว จำเลยทั้งสองจึงไม่ได้ครอบครองที่ดินของโจทก์โดยสงบเปิดเผยและเจตนาเป็นเจ้าของ ย่อมไม่อาจอ้างเหตุภาระจำยอมได้ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันรื้อถอนตอม่อ คานปูนและเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กเฉพาะส่วนที่รุกล้ำที่ดินของโจทก์ออกไป และทำที่ดินของโจทก์ให้อยู่ในสภาพเดิม โดยจำเลยทั้งสองเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย กับให้ใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ๑๐,๐๐๐ บาท และให้ร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๒,๐๐๐ บาท สำหรับค่าขึ้นศาลให้ใช้ตามจำนวนทุนทรัพย์ที่โจทก์ชนะคดี คำขอของโจทก์นอกจากนี้และฟ้องแย้งของจำเลยทั้งสองให้ยก ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๘ พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์แทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความให้ ๑,๐๐๐ บาท
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาตามที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า จำเลยทั้งสองได้สิทธิภาระจำยอมในที่ดินส่วนที่รุกล้ำดังกล่าวโดยอายุความนั้น เห็นว่า การที่จำเลยทั้งสองสร้างฐานรากของโรงเรือนซึ่งเป็นส่วนที่ฝังอยู่ใต้ดินรุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์โดยมีเจตนาเพื่อซ่อนเร้นปกปิดการกระทำที่ไม่ชอบของตน จึงไม่อาจถือได้ว่าจำเลยทั้งสองครอบครองที่ดินส่วนที่รุกล้ำของโจทก์โดยเปิดเผย ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๘๒ ประกอบมาตรา ๑๔๐๑ ดังนั้น แม้จะมีการครอบครองมานานเท่าใด จำเลยทั้งสองก็ไม่ได้สิทธิภาระจำยอมในที่ดินดังกล่าว ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้จำเลยทั้งสองรับผิดต่อโจทก์มานั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา ๑,๕๐๐ บาท แทนโจทก์.

Share