แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าวที่ออกโดยอาศัยความตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวมิใช่กฎหมาย ดังนั้น แม้ในระหว่างพิจารณาคดีจะได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมตามประกาศฉบับแรก ก็ไม่มีผลลบล้างการกระทำซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิด และกรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรค 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ระหว่างวันที่ 10 ตุลาคม 2512 ตลอดมาจนถึงวันที่ 11 ตุลาคม 2512 ทั้งกลางวันและกลางคืน จำเลยบังอาจกระทำการฝ่าฝืนประกาศคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ฉบับที่ 84พ.ศ.2511 ลงวันที่ 30 เมษายน 2511 ขนย้ายข้าวออกนอกเขตเข้าไปในเขตห้ามขนย้าย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าวพ.ศ.2489 มาตรา 4, 10, 12, 13, 13 ทวิ(2) ประกาศคณะกรรมการฯฉบับที่ 84 พ.ศ.2511 และสั่งริบข้าวและรถยนต์บรรทุกที่ใช้กระทำผิดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่เมื่อสิบพยานโจทก์หมดแล้ว กลับให้การรับสารภาพและแถลงว่าขณะนี้ได้มีประกาศยกเลิกการควบคุมข้าวและกำหนดเขตห้ามขนย้ายข้าวแล้วตามประกาศฯ ฉบับที่ 90 ลงวันที่ 18มีนาคม 2513
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสำรวจและห้ามกักกันข้าว (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2489 มาตรา 6 ประกาศคณะกรรมการฯฉบับที่ 84 พ.ศ.2511 เรื่องการควบคุมและกำหนดเขตห้ามขนย้ายข้าวปรับ 10,000 บาท ลดโทษตามมาตรา 78 กฎหมายอาญาให้ 1 ใน 4 คงปรับ7,500 บาท ริบข้าวสารและรถยนต์บรรทุกของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่าระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น ได้มีประกาศคณะกรรมการฯ ยกเลิกการควบคุมแล้ว จำเลยย่อมได้รับประโยชน์จากประกาศฉบับนี้ และสิทธิดำเนินคดีอาญาของโจทก์จึงหมดไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ในระหว่างศาลชั้นต้นพิจารณาคดีนี้จะได้มีประกาศของคณะกรรมการสำรวจและห้ามกักกันข้าว ฉบับที่ 90พ.ศ.2513 ให้ขนย้ายข้าวได้โดยไม่ต้องขออนุญาตก็ตาม แต่ประกาศฉบับที่ 90 นี้มิใช่เป็นกฎหมาย จึงไม่มีผลลบล้างการกระทำของจำเลยซึ่งเป็นความผิดตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในขณะนั้น กรณีไม่ต้องตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 2 วรรคสอง จำเลยจึงไม่พ้นจากการเป็นผู้กระทำความผิด ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน