คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3188/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เจ้ามรดกทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้โจทก์และตัด จำเลยมิให้ รับ มรดกโจทก์จึงเป็นทายาทผู้รับมรดกตาม พินัยกรรม ดังนี้ โจทก์เป็นผู้มีส่วนได้เสียสมควรเป็นผู้จัดการมรดกตาม ป.พ.พ. มาตรา 1713.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าก่อนเจ้ามรดกถึงแก่ความตายได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์มรดกให้โจทก์กับพวก และตัดจำเลยมิให้รับทรัพย์มรดก จำเลยได้ยื่นคำร้องขอต่อศาลตั้งจำเลยเป็นผู้จัดการมรดก ศาลมีคำสั่งตั้งจำเลยแล้ว โจทก์จึงขอให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกและตั้งโจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแทน
จำเลยให้การว่า โจทก์และบรรดาทายาทตกลงยินยอมให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดก และศาลแพ่งมีคำสั่งให้จำเลยเป็นผู้จัดการมรดกแล้ว ส่วนพินัยกรรมของนายฉิมที่โจทก์อ้างนั้น ทายาททุกคนไม่เคยพูดถึงพินัยกรรมของนายฉิมแต่อย่างใด และลายมือชื่อของนายฉิมในพินัยกรรมเป็นลายมือชื่อปลอม
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนจำเลยออกจากการเป็นผู้จัดการมรดกของนายฉิมและนางถนอม ตามคำสั่งศาลแพ่งในคดีหมายเลขแดงที่ 2476/2526 ให้โจทก์เป็นผู้จัดการมรดกแทนจำเลยให้จำเลยชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…จึงเชื่อว่าเป็นลายมือชื่อของนายฉิมนาคสุวรรณ์จริง พินัยกรรมที่โจทก์อ้างจึงเป็นพินัยกรรมที่แท้จริง
คดีคงมีปัญหาต่อไปว่า ระหว่างโจทก์จำเลย ใครสมควรเป็นผู้จัดการมรดกรายนี้ปรากฏตามพินัยกรรมว่า จำเลยถูกตัดมิให้รับมรดกจำเลยจึงไม่ได้เป็นทายาท ส่วนโจทก์เป็นทายาทผู้รับพินัยกรรมโจทก์จึงเป็นผู้มีส่วนได้เสียซึ่งสมควรเป็นผู้จัดการมรดกตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1713…”
พิพากษายืน.

Share