คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 6390/2544

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การที่จำเลยนำน้ำมันซึ่งจำเลยมีสิทธิเบิกไปใช้ได้ด้วยตนเองไปเติมใส่รถยนต์คันอื่นเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ไม่ปรากฏว่าจำเลยได้นำรถยนต์คันอื่นนั้นไปใช้ในกิจกรรมอื่นซึ่งไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่จำเลยจะพึงใช้ได้อันอาจถือได้ว่าจำเลยได้ประโยชน์จากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวเป็นส่วนตัว เมื่อข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำการเบียดบังเอาน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยสั่งจ่ายไปเป็นของจำเลยหรือของผู้อื่นโดยทุจริตหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ขณะที่จำเลยเป็นเทศมนตรีเทศบาลเมืองสงขลา ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานมีอำนาจหน้าที่ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายใบสั่งซื้อน้ำมันจากบริษัทจิตมีบุญ จำกัดเพื่อเติมไว้ใช้กับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา ซึ่งเป็นรถของทางราชการสำนักงานเทศบาลเมืองสงขลา มอบให้จำเลยไว้ใช้ในราชการ จำเลยได้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและทุจริตหลายกรรมต่างกัน กล่าวคือ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2539 เวลากลางวัน จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายใบสั่งซื้อน้ำมันเบนซินซุปเปอร์ไร้สารตะกั่วจากบริษัทจิตมีบุญ จำกัด จำนวน 32 ลิตร คิดเป็นเงินจำนวน 297.60 บาท ในวันที่ 15 เมษายน 2539 เวลากลางวัน จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายใบสั่งซื้อน้ำมันเบนซินซุปเปอร์จากบริษัทจิตมีบุญ จำกัด จำนวน36.5 ลิตร คิดเป็นเงินจำนวน 346.75 บาท และในวันที่ 19 เมษายน 2539 เวลากลางวัน จำเลยลงลายมือชื่อสั่งจ่ายใบสั่งซื้อน้ำมันเบนซินซุปเปอร์จากบริษัทจิตมีบุญ จำกัด จำนวน 45.5 ลิตร คิดเป็นเงินจำนวน 432.25 บาท การซื้อน้ำมันของจำเลยแต่ละครั้งดังกล่าว จำเลยได้เบียดบังเอาเป็นของตนเองโดยนำไปเติมใช้กับรถยนต์คันอื่น มิใช่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา อันเป็นการเสียหายแก่เทศบาลเมืองสงขลาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 145 (ที่ถูกมาตรา 147), 151, 91

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษากลับ เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 เป็นการกระทำความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำคุกกระทงละ 5 ปี ข้อนำสืบของจำเลยที่รับว่าเอาน้ำมันไปใช้กับรถยนต์ส่วนตัวเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คงจำคุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน เรียงกระทงลงโทษรวมเป็นจำคุก 10 ปี

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าระหว่างวันเวลาเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเทศบาลเมืองสงขลา จำเลยในฐานะเทศมนตรีเทศบาลเมืองสงขลาได้รับมอบรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา ไว้ใช้ตามตำแหน่ง โดยมีนายสิทธิศักดิ์ เอี้ยนเซ่ง ลูกจ้างชั่วคราวของเทศบาลเมืองสงขลาเป็นพนักงานขับรถ สำหรับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ใช้กับรถยนต์คันดังกล่าวเบิกจ่ายจากเงินของเทศบาลเมืองสงขลา จำเลยเป็นผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อสั่งจ่ายใบสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงจากบริษัทจิตมีบุญ จำกัดในนามของเทศบาลเมืองสงขลา จำเลยได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อใช้กับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลาเรื่อยมาจนกระทั่งวันที่ 11 เมษายน 2539 นายสิทธิศักดิ์ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา เกิดอุบัติเหตุรถเสียหาย พนักงานสอบสวนนำรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา ไปเก็บรักษาไว้ที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอเมืองสงขลา ในระหว่างที่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา ใช้การนั้น จำเลยได้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายใบสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.7 และมีการเบิกจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงตามใบสั่งซื้อไปใช้กับรถยนต์คันอื่นซึ่งมิใช่รถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา ต่อมาปลัดเทศบาลเมืองสงขลาได้จ่ายเงินส่วนตัวแทนเทศบาลเมืองสงขลาสำหรับใบสั่งซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.7 ไปแล้ว

ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกมีว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องหรือไม่ ปัญหาดังกล่าวจำเลยฎีกาว่าขณะเกิดเหตุจำเลยดำรงตำแหน่งเทศมนตรีเทศบาลเมืองสงขลามีสิทธิใช้รถยนต์พร้อมน้ำมันเชื้อเพลิงของเทศบาลเมืองสงขลาเพื่อปฏิบัติราชการตามตำแหน่งหน้าที่ของจำเลย เมื่อรถยนต์ที่เทศบาลเมืองสงขลามอบให้จำเลยใช้เกิดเสียหายใช้การไม่ได้ ในการปฏิบัติราชการจำเลยจำเป็นต้องมีรถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยเบิกจ่ายได้ใช้กับรถยนต์ที่จำเลยปฏิบัติราชการตามตำแหน่งหน้าที่ จำเลยจึงไม่มีความผิดตามฟ้อง เห็นว่า จำเลยในฐานะเทศมนตรีเทศบาลเมืองสงขลามีสิทธิใช้รถยนต์และน้ำมันเชื้อเพลิงของเทศบาลเมืองสงขลาสำหรับรถยนต์เป็นการใช้คงรูป คือเมื่อหมดอำนาจหน้าที่จะใช้แล้ว จำเลยต้องส่งคืนรถยนต์ตามสภาพ ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงเป็นทรัพย์ที่แม้จะฟังได้ว่าเป็นของเทศบาลเมืองสงขลาแต่ก็เป็นทรัพย์ที่ย่อมสิ้นเปลืองหมดไปเพราะการใช้ เมื่อข้อเท็จจริงตามทางนำสืบของโจทก์ได้ความว่า จำเลยมีสิทธิเบิกน้ำมันเชื้อเพลิงไปใช้ได้ด้วยตนเองน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยสั่งจ่ายตามใบสั่งซื้อจะเติมใช้กับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา หรือไม่ก็ตาม น้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยสั่งจ่ายจากบริษัทจิตมีบุญ จำกัด ย่อมต้องสิ้นเปลืองหมดไปเพราะการใช้ตามปกติ อีกประการหนึ่งไม่ปรากฏว่าจำเลยได้นำรถยนต์คันอื่นที่เติมน้ำมันเชื้อเพลิงตามเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.7 ไปใช้ในกิจกรรมอื่นซึ่งไม่อยู่ในอำนาจหน้าที่ที่จำเลยจะพึงใช้ได้เฉกเช่นเดียวกันกับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ข-2208 สงขลา อันอาจถือได้ว่าจำเลยได้ประโยชน์จากการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงดังกล่าวเป็นการส่วนตัวการที่จำเลยนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่สั่งจ่ายตามใบสั่งซื้อเอกสารหมาย จ.5 ถึง จ.7 ไปเติมใส่รถยนต์คันอื่นเพื่อใช้ในการปฏิบัติหน้าที่จะพึงใช้ได้ตามปกติ คงฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยปฏิบัติการผิดระเบียบขั้นตอนของเทศบาลเมืองสงขลาเท่านั้น ข้อเท็จจริงเท่าที่โจทก์นำสืบยังมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้กระทำการเบียดบังเอาน้ำมันเชื้อเพลิงที่จำเลยสั่งจ่ายไปนั้นเป็นของจำเลยหรือของผู้อื่นโดยทุจริตหรือไม่ จึงให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง กรณีไม่จำเป็นต้องวินิจฉัยฎีกาข้ออื่น ๆ ของจำเลยอีกต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 9 พิพากษาลงโทษจำเลยนั้นศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share