คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3182/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 73 ทวิ และมาตรา 76 บุคคลที่รับคำคู่ความหรือเอกสารไว้แทนจะต้องอายุเกินยี่สิบปีแต่คดีนี้เด็กหญิง ก. หลานสาวผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับหนังสือยืนยันหนี้ไว้แทนผู้ร้องมีอายุเพียง 14 ปี เท่านั้น การส่งหนังสือยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านจึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รับหนังสือยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2533 การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำแจ้งความยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านในวันที่ 3 มกราคม 2534 จึงไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องยื่นเกินกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งความยืนยันหนี้ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย มาตรา 119 วรรคสอง การส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ตามไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2524 ข้อ 353 เป็นเรื่องการส่งจดหมายทั่วไปมิใช่การส่งคำคู่ความหรือเอกสารตาม ป.วิ.พ. มาตรา 73 ทวิ และมาตรา 76

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องเคยเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทลูกหนี้แต่ในปี 2526 ได้ขายหุ้นทั้งหมดแก่บุคคลอื่นแล้วมีการโอนโดยถูกต้องตามกฎหมาย แต่กรรมการบริษัทลูกหนี้ชุดปัจจุบันทำเอกสารเท็จแจ้งต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทจังหวัดขอนแก่นว่า ผู้ร้องยังเป็นผู้ถือหุ้นอยู่และค้างชำระค่าหุ้น จำนวน 1,105,000 บาท ซึ่งผู้ร้องจะต้องชำระต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้มีคำสั่งจำหน่ายชื่อผู้ร้องออกจากบัญชีลูกหนี้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า การขายหุ้นของผู้ร้องแก่บุคคลอื่นนั้น แม้จะมีคำพิพากษาของศาลชั้นต้นตามที่ผู้ร้องอ้างก็มิได้ยืนยันหรือพิพากษาว่าผู้ร้องได้โอนขายหุ้นโดยสมบูรณ์และถูกต้องตามกฎหมายแต่อย่างใด จึงต้องถือว่าผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นบริษัทลูกหนี้และค้างชำระค่าหุ้นซึ่งผู้ร้องมีหน้าที่จะต้องชำระต่อผู้คัดค้านผู้ร้องมิได้ร้องคัดค้านภายในกำหนด ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่า ผู้ร้องได้รับหนังสือยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2533 ครบกำหนดยื่นคำร้องคัดค้านต่อศาลภายในวันที่ 2 มกราคม 2534 แต่ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านวันที่ 3 มกราคม 2534 จึงเกินกำหนดเวลาตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 119 วรรคสี่ ถือเป็นหนี้เด็ดขาดแล้วให้ยกคำร้องกับให้ผู้ร้องใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนผู้คัดค้านผู้คัดค้านว่าคดีเองจึงไม่กำหนดค่าทนายความให้
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นทำการไต่สวนและมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งในคำสั่งใหม่
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การส่งคำคู่ความหรือเอกสารตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ไม่ได้กำหนดไว้โดยเฉพาะจึงให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลมตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ.2483 มาตรา 153 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 73 ทวิ บัญญัติว่า คำคู่ความหรือเอกสารที่เจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่ง ฯลฯ ศาลอาจสั่งให้ส่งโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับ ฯลฯ กรณีเช่นนี้ให้ถือว่าคำคู่ความหรือเอกสารที่ส่งโดยเจ้าพนักงานไปรษณีย์มีผลเสมือนเจ้าพนักงานศาลเป็นผู้ส่งและให้นำบทบัญญัติมาตรา 74 มาตรา 76 และมาตรา 77 มาใช้บังคับโดยอนุโลม มาตรา 76 บัญญัติว่า เมื่อเจ้าพนักงานศาลไม่พบคู่ความหรือบุคคลที่จะส่งคำคู่ความหรือเอกสาร ณ ภูมิลำเนาหรือสำนักทำการงานของบุคคลนั้น ๆ ถ้าได้ส่งคำคู่ความหรือเอกสารให้แก่บุคคลใด ๆ ที่มีอายุเกินยี่สิบปี ซึ่งอยู่หรือทำงานในบ้านเรือนหรือสำนักทำการงานที่ปรากฏว่าเป็นของคู่ความหรือบุคคลนั้น ฯลฯ ให้ถือว่าเป็นการเพียงพอที่จะฟังว่าได้มีการส่งคำคู่ความหรือเอกสารถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จากบทบัญญัติมาตรา 73 ทวิ และมาตรา 76 บุคคลที่รับคำคู่ความหรือเอกสารไว้แทนจะต้องอายุไม่เกินยี่สิบปี แต่คดีนี้ปรากฏว่าเด็กหญิงกุศลทิพย์หลานสาวผู้ร้องซึ่งเป็นผู้รับหนังสือยืนยันหนี้ไว้แทนผู้ร้องมีอายุเพียง 14 ปี เท่านั้น จึงขัดต่อบทบัญญัติดังกล่าว การส่งหนังสือยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านจึงไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ถือไม่ได้ว่าผู้ร้องได้รับหนังสือยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2533 ดังนั้น การที่ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำแจ้งความยืนยันหนี้ของผู้คัดค้านในวันที่ 3 มกราคม 2534 จึงไม่อาจถือได้ว่าผู้ร้องยื่นเกินกำหนดเวลาสิบสี่วันนับแต่วันได้รับแจ้งความยืนยันหนี้ ตามพระราชบัญญัติล้มละลายมาตรา 119 วรรคสอง คำพิพากษาฎีกาที่ผู้คัดค้านอ้างมานั้นการส่งไปรษณีย์ภัณฑ์ตามไปรษณีย์นิเทศ พ.ศ.2524 ข้อ 353 เป็นเรื่องการส่งจดหมายทั่วไปมิใช่การส่งคำคู่ความหรือเอกสารตามบทบัญญัติมาตรา 73 ทวิ และมาตรา 76 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งจึงไม่อาจนำมาปรับใช้ในคดีนี้ได้
พิพากษายืน

Share