คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3170/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายลักทรัพย์คงมีแต่คำให้การของ ว.ผู้เป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทผู้เสียหาย ในชั้นสอบสวนว่าเห็นจำเลยทั้งสามลักทรัพย์ผู้เสียหายไป ซึ่งเป็นพยานบอกเล่า ทั้งไม่ปรากฏว่า ว.ได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้ผู้เสียหายทราบตามหน้าที่ของตน คำให้การของ ว.จึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ โจทก์คงมีเพียงคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสาม ซึ่งจำเลยทั้งสามก็นำสืบว่า เหตุที่ให้การรับสารภาพเพราะถูกขู่เข็ญบังคับและกลัวจะถูกทำร้าย พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักให้ลงโทษจำเลยทั้งสามได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสามฐานลักทรัพย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 336 ทวิ, 83 กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(7)(11), มาตรา 336 ทวิ จำคุกคนละ 3 ปี รับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุกคนละ 2 ปี ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนหรือใช้ราคาแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาในชั้นนี้มีว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายคดีนี้หรือไม่ โจทก์ไม่มีประจักษ์พยานว่าจำเลยทั้งสามเป็นคนร้ายคดีนี้ คงมีแต่คำให้การของนายวินิจ อินทะรักษ์ ในชั้นสอบสวนเท่านั้น ซึ่งมีข้อความว่าขณะเกิดเหตุนายวินิจเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัทผู้เสียหาย ได้เห็นจำเลยทั้งสามกับพวกลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปตามเอกสารหมาย จ.10 ซึ่งเป็นพยานบอกเล่าอีกทั้งไม่ปรากฏว่านายวินิจได้แจ้งเรื่องที่เกิดขึ้นให้บริษัทผู้เสียหายทราบตามหน้าที่ของพนักงานรักษาความปลอดภัย คำให้การชั้นสอบสวนดังกล่าวจึงไม่มีน้ำหนักให้รับฟังได้ นอกจากคำให้การดังกล่าวแล้ว โจทก์คงมีเพียงคำให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสาม ซึ่งจำเลยทั้งสามก็นำสืบว่าเหตุที่ให้การรับสารภาพเพราะถูกขู่เข็ญบังคับและกลัวจะถูกทำร้ายพยานโจทก์มีเพียงเท่าที่กล่าวมาแล้ว จึงไม่มีน้ำหนักให้ลงโทษจำเลยทั้งสามได้
พิพากษายืน

Share