แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 ทำสัญญาจ้างผู้มีชื่อมาเป็นผู้ขับรถยนต์ และจัดการเดินรถยนต์ของจำเลยที่ 1 โดยผู้รับจ้างจะต้องปฏิบัติงานในความควบคุมหรือตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ส่วนค่าใช้จ่าย ก็ดีกำไรขาดทุนก็ดีเป็นของจำเลยที่ 1 ผู้รับจ้างเป็นแต่รับค่าจ้างเป็นก้อนไปเท่านั้น ดังนี้ ย่อมถือว่าเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ฉะนั้นการที่ผู้รับจ้างไปจ้างจำเลยที่ 2 มาเป็นคนประจำรถด้วยความยินยอมของจำเลยที่ 1 ผู้ว่าจ้างแล้ว ก็ต้องถือว่าจำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 ด้วย ดุจเดียวกับผู้มีชื่อนั้นเอง จำเลยที่ 1 ต้องร่วมรับผิดกับผู้มีชื่อในผลแห่งละเมิดที่กระทำไปในทางการรที่จ้างฉันท์ใด จำเลยที่ 1 ก็ต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 2 ในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 2 กระทำไปในทางการที่จ้างฉันท์นั้น
ย่อยาว
คดี ๓ สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันมา โจทก์ทั้ง ๓ สำนวนฟ้องใจความต้องกันว่าจำเลยที่ ๑ เป็นนายจ้างจำเลยที่ ๒ ๆ มีหน้าที่เป็นผู้จัดการรถยนต์โดยสารและบรรทุกของจำเลยที่ ๑ ตลอดจนมีหน้าที่ดูแลจัดการในโรงรถยนต์ของจำเลยที่ ๑ แล้วจำเลยที่ ๒ ได้ปฏิบัติงานในหน้าที่ โดยประมาทปราศจากความระมัดระวังเป็นเหตุให้เกิดเพลิงไหม้โรงรถยนต์แล้วไหม้ลุกลามไปไหม้บ้านเรือนทรัพย์สินของโจทก์ทั้ง ๓ เสียหาย จึงขอให้จำเลยทั้ง ๒ ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การต่อสู้ว่า จำเลยที่ ๑ ไม่ได้เป็นนายจ้างจำเลยที่ ๒
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๒ ผู้เดียวใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ ๑ ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้จำเลยที่ ๑ รับผิดร่วมกับจำเลยที่ ๒ ด้วย
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า แม้จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้จ้างจำเลยที่ ๒ มาเป็นลูกจ้าง เป็นแต่จ้างนายเลื่อนเป็นผู้ขับรถยนต์โดยจ้างเหมาให้เป็นผู้ขับรถยนต์ก็ดี แต่ตามสัญญาก็ปรากฎว่า นายเลื่อนจะต้องปฏิบัติงานในความควบคุมหรือตามคำสั่งของจำเลยที่ ๑ นายเลื่อนเป็นแต่รับค่าจ้างเป็นก้อนเท่านั้น จึงเป็นสัญญาจ้างแรงงาน ฉะนั้นการที่นายเลื่อนไปจ้างจำเลยที่ ๒ มาเป็นคนประจำรถด้วยความยินยอมของจำเลยที่ ๑ ผู้ว่าจ้างเท่านั้น ก็ต้องถือว่าเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๑ ดุจเดียวกับนายเลื่อนนั่นเอง
ส่วนข้อที่จำเลยที่ ๒ ทำให้เกิดเพลิงไหม้ขึ้นโดยประมาทนั้น ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เป็นเรื่องกระทำในหน้าที่ที่จ้าง จำเลยที่ ๑ จึงต้องรับผิด