คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1063/2502

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องว่า ห้องพิพาทเป็นของโจทก์ก่อนนี้โจทก์มอบให้สำนักงานพระคลังข้างที่เป็นผู้จัดการให้เช่า จำเลยทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากสำนักงานพระคลังข้างที่ ภายหลังโจทก์ถอนคืนการจัดการห้องพิพาทมาจัดการเอง จำเลยยังคงเช่าห้องพิพาทอยู่ต่อมา โดยมิได้ทำสัญญาเช่ากันใหม่ โดยจำเลยมิได้สืบแก้ประกอบทั้งตัวจำเลยเองก็เบิกความรับว่า เมื่อประมาณหนึ่งปีเศษมานี้ คนของโจทก์มาเก็บค่าเช่าห้องพิพาทจากจำเลย จำเลยก็ให้ไปตลอดมา ดังนี้โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขับไล่จำเลยได้
ฟ้องของโจทก์ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยเช่าห้องพิพาทจากโจทก์เมื่อใด มีกำหนดเท่าใด สัญญาสิ้นอายุวันเดือนปีใด แต่โจทก์ได้ส่งสำเนาหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลยมาพร้อมกับฟ้องซึ่งมีข้อความครบถ้วนแล้ว ถือว่า ฟ้องของโจทก์ไม่เคลือบคลุม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องแถวของโจทก์และเรียกค่าเสียหาย

จำเลยให้การปฏิเสธฟ้อง และต่อสู้ว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และฟ้องโจทก์เคลือบคลุมไม่ชัดแจ้งว่าจำเลยเช่าจากโจทก์เมื่อใด มีกำหนดเท่าใดสิ้นอายุวันเดือนปีใด ยากแก่การต่อสู้

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ขับไล่จำเลยและบริวารออกจากห้องพิพาทและให้ใช้ค่าเสียหาย

จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า ห้องพิพาทเป็นของโจทก์ ก่อนนี้โจทก์มอบให้สำนักงานพระคลังข้างที่เป็นผู้จัดการให้เช่า จำเลยทำสัญญาเช่าห้องพิพาทจากสำนักงานพระคลังข้างที่ ครั้น พ.ศ. 2498 โจทก์ถอนคืนการจัดการห้องพิพาทมาจัดการเอง จำเลยยังคงเช่าห้องพิพาทอยู่ต่อมาโดยมิได้ทำหนังสือสัญญาเช่ากันใหม่ ประกอบทั้งตัวจำเลยเองก็เบิกความรับว่า เมื่อประมาณหนึ่งปีเศษมานี้ คนของโจทก์มาเก็บค่าเช่าห้องพิพาทจากจำเลย จำเลยก็ให้ไปตลอดมา และก่อนฟ้องโจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกการเช่าไปยังจำเลยจริง ดังนี้ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องจำเลยได้

เรื่องฟ้องเคลือบคลุม ฟ้องโจทก์ได้กล่าวว่า หนังสือสัญญาเช่าหมดอายุการเช่าแล้ว และโจทก์ได้มีหนังสือบอกเลิกสัญญาเช่าไปยังจำเลย ดังสำเนาท้ายคำฟ้อง สำเนาหนังสือสัญญาท้ายคำฟ้องมีข้อความว่า “ด้วยตามที่ท่านได้ทำสัญญากับสำนักพระคลังข้างที่ฉบับที่ 256/2485 ลงวันที่ 18 กรกฎาคม 2485 เช่าโรงแถวหมายเลข 64/8 ถนนสิบสามห้าง มีกำหนด 1 ปี นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2485 เป็นต้นไปค่าเช่าเดือนละ 10 บาท ซึ่งสัญญาเช่าได้สิ้นสุดลงแล้ว โรงแถวที่ท่านเช่านั้นเป็นของวัดบวรนิเวศวิหารฯ ได้รับมอบจากสำนักงานพระคลังข้างที่พร้อมด้วยการเช่าตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2498 มาจัดการผลประโยชน์เอง ซึ่งท่านได้ทราบและประพฤติตามสัญญากับวัดบวรนิเวศวิหารฯ ตลอดมา ฯลฯ ดังนี้ จำเลยย่อมเข้าใจได้ดีโดยตลอดไม่เป็นฟ้องเคลือบคลุม

พิพากษายืน

Share