คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 443/2481

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ต้องการโอนที่ดินโฉนดให้จำเลย จึงทำ+มอบฉันทะลงนามมอบให้จำเลยไป จำเลยไปกรอกข้อความในใบมอบฉันทะเป็นโอนที่ดินให้ 3 โฉนดดังนี้ กรณีไม่เข้าประมวลแพ่งฯ+
แทนสมคบกับบุคคลภายนอกทำการใด ๆ โดยปราศจากอำนาจเป็นเหตุแก้ตัวการเสียหาย ตัวแทนฟ้องร่วมรับผิดในความเสียหายนั้นด้วย
+มีอนุญาตให้ภริยาเอาทรัพย์ของภริยาได้มาจากผู้อื่นโดยละเมิดไปจำนองผู้อื่นนั้นสามีไม่ต้องร่วมรับผิดในการ+หรือใช้ทรัพย์นั้น
โจทก์ฟ้องคดีขอให้ทำลาย+กรรมและให้กรรมสิทธิ+ที่ดินคืนมาเป็นของโจทก์โดยอ้างเหตุว่าจำเลยได้สมคบกันกรอกข้อความเท็จฟ้องในใบมอบฉันทะที่โจทก์ทำให้ดังนี้ เป็นการฟ้องโดยอาศัยสิทธิในทางแพ่ง อายุความในคดีอาญาจึงไม่เกี่ยวกับคดีเช่นนี้ ค่าธรรมเนียม

ย่อยาว

ได้ความว่าโจทก์ได้ลงนามในใบมอบฉันทะเพื่อให้จำเลยที่ ๒ ไปเป็นผู้โอนที่ดิน ๒ โฉนดให้จำเลยที่ ๓ จำเลยที่ ๑ และ ๒ ได้สมคบกันกรอกข้อความในใบมอบฉันทะของโจทก์เป็นว่าให้โอนที่ดินให้จำเลยที่ ๑ รวม ๓ โฉนด เมื่อจำเลยที่ ๑ ได้รับโอนที่ดินทั้ง ๓ โฉนดนี้แล้ว จึงได้ไปจำนองไว้แก่ผู้มีชื่อ โดยจำเลยที่ ๓ ผู้เป็นสามีลงนามรับรองครั้นโจทก์ทราบเรื่องจึงฟ้องจำเลยทั้ง ๓ ขอให้ศาลทำลายนิติกรรมและให้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดที่โจทก์มิได้ปลงใจยกให้นั้นกลับคืนมาเป็นของโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้ง ๓ คน จัดการโอนที่ดินรายพิพาทคืนให้โจทก์ ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ให้ใช้ราคา ๑๒,๐๐๐ บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องฉะเพาะจำเลยที่ ๓ นอกนั้นยืนตาม
โจทก์จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาตัดสินว่าที่จำเลยฎีกาว่าคดีเข้าบท ม.๑๑๙ แห่งประมวลแพ่ง ฯ นั้น เห็นว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะไม่ปรากฎว่าการโอนที่พิพาทได้โอนด้วยความสำคัญผิดของโจทก์ ที่จำเลยที่ ๒ คัดค้านว่าเป็นตัวแทนของโจทก์ในการโอนโฉนดให้จำเลยที่ + จึงไม่ควรถูกฟ้องร้องด้วยนั้น เห็นว่าถ้าหากว่าจำเลยที่ ๒ เป็นตัวแทนของโจทก์และได้สมคบกับจำเลยที่ ๑ ทำการโดยปราศจากอำนาจ ตัวแทนย่อมต้องรับผิด ม.๘๑๒ และการกระทำนั้นย่อมไม่ผูกพันตัวการคือโจทก์ ในข้อที่จำเลยต่อสู้ว่าคดีนี้มีทำนองเป็นคดีอาญาคดีต้องขาดอายุความนั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องอาศัยสิทธิในทางแพ่งเท่านั้น อายุความในคดีอาญาจึงไม่เกี่ยวข้องกับคดีเรื่องนี้ ส่วนฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยที่ ๓ ควรรับผิดด้วยนั้น เห็นว่าโจทก์ฟ้องขอให้แสดงกรรมสิทธิในที่รายพิพาทและเพิกถอนการโอนนั้นและโจทก์แสดงแต่เพียงว่าจำเลยนี้ในฐานะเป็นสามีจำเลยที่ ๑ ได้อนุญาตให้จำเลยที่ ๑ จำนองที่รายพิพาทเท่านั้น จำเลยจึงยังไม่ควรต้องรับผิด และที่ศาลอุทธรณ์ได้ใช้ดุลยพินิจบังคับให้โจทก์เสียค่าธรรมเนียมแทนจำเลยที่ ๓ นั้นก็เป็นการชอบแล้ว จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ยกฎีกาโจทก์จำเลยเสีย

Share