คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3166/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ลูกระเบิดของกลางอยู่ในสภาพใช้ทำการระเบิดไม่ได้ เพราะชนวนถูกทำลายมาก่อน และวัตถุระเบิดที่บรรจุอยู่ภายในตัวลูกระเบิดถูกสำรอกออกหมด จึงไม่เป็นวัตถุระเบิด และย่อมไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีลูกระเบิดขว้าง ชนิดสังหารแบบ 88 บ.2 ซึ่งเป็นเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ จำนวน 1 ลูก อาวุธปืนลูกซอง ขนาด 12 จำนวน1 กระบอก กระสุนปืน 1 นัด ไว้โดยมิได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4, 6, 7, 55, 72, 78ที่แก้ไขแล้ว ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 91 จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4, 6, 7, 55, 72 ที่แก้ไขแล้วจำคุกคนละ 1 ปี รับสารภาพชั้นสอบสวน ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกคนละ 9 เดือน ข้อหาร่วมกันมีลูกระเบิดให้ยกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 4, 6, 7, 72 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่าลูกระเบิดของกลางชนวนถูกทำลายมาก่อน และวัตถุระเบิดที่บรรจุอยู่ภายในตัวลูกระเบิดถูกสำรอกออกหมดแล้ว ไม่สามารถใช้เป็นลูกระเบิดได้ แม้สภาพภายนอกยังสมบูรณ์แต่เมื่อใช้ทำการระเบิดไม่ได้ ก็ไม่เป็นวัตถุระเบิด ที่โจทก์ฎีกาว่าสภาพภายนอกของลูกระเบิดของกลางยังสมบูรณ์อยู่ในสภาพที่สามารถจะบรรจุวัตถุระเบิดเข้าไปได้อีกใหม่นำไปใช้ได้เช่นระเบิดทั่ว ๆ ไป และลูกระเบิดตามสภาพเป็นเครื่องกระสุนปืนตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 4 ที่แก้ไขแล้วนั้นเห็นว่าโจทก์มิได้นำสืบให้เห็น หรือมีพฤติการณ์แวดล้อมว่าจำเลยจะใช้ลูกระเบิดของกลางทำเป็นวัตถุระเบิดอีก โดยการใส่ชนวนใหม่และบรรจุวัตถุระเบิดเข้าไปภายในเพื่อจะให้เกิดระเบิดแล้วมีอำนาจทำลายสังหารชีวิตมนุษย์ สัตว์ ทรัพย์สิน ได้แต่ประการใด ดังนั้นเมื่อลูกระเบิดของกลางไม่เป็นวัตถุระเบิดเสียแล้ว ย่อมไม่เป็นเครื่องกระสุนปืนด้วย การที่จำเลยทั้งสองร่วมกันมีไว้ จึงไม่เป็นความผิดตามฟ้อง คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share