คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3139/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้มีกรรมสิทธิ์ร่วมตามส่วนในทรัพย์ที่ถูกยึดมาขายทอดตลาดมีสิทธิร้องขอให้จ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 287 การร้องขอไม่มีกำหนดระยะเวลาไว้ ร้องขอภายหลังจากการขายทอดตลาดแล้วได้
ผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้จ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินซึ่งผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยให้แก่ผู้ร้องตามส่วน ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ร้องโดยมิได้สอบถามโจทก์ก่อน ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านอ้างว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิร้อง ผู้ร้องไม่มีกรรมสิทธิ์ร่วมและเป็นหนี้ร่วม ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ร้อง การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งโดยมิได้ยกคำร้องของผู้ร้อง แต่ให้ทำการไต่สวนคำร้องต่อไป ถือได้ว่าศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณา และคำร้องของผู้ร้องไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องโดยไม่ต้องทำการไต่สวนก่อน เมื่อโจทก์คัดค้านคำร้อง ศาลชั้นต้นมีอำนาจทำการไต่สวนก่อนที่จะสั่งคำร้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 21 (4) คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องจึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อคดีอยู่ระหว่างไต่สวนพิจารณาสั่งคำร้องของผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 226 (1)

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระหนี้เงินกู้ให้โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย โจทก์นำยึดที่ดินรวม ๒ โฉนด พร้อมด้วยโรงเรือนและสิ่งปลูกสร้างบนที่ดิน ๑ หลัง เพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้โจทก์ ที่ดินทั้งสองแปลงมีชื่อจำเลยถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับผู้ร้อง เฉพาะส่วนของจำเลยได้จำนองเป็นประกันหนี้ไว้กับโจทก์ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งขายทอดตลาดเฉพาะที่ดิน ๒ แปลง
วันที ๒ มีนาคม ๒๕๒๗ ทำการขายทอดตลาดที่ดินปรากฏว่า นายสุทธยา จรรยงค์ เป็นผู้ประมูลซื้อได้
วันที่ ๒๒ มีนาคม ๒๕๒๗ ผู้ร้องที่ ๑ และที่ ๓ ยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดิน ๒ แปลงที่ขายทอดตลาด ขอรับเงินเฉพาะส่วนของผู้ร้อง ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายเงินเฉพาะส่วนให้ผู้ร้องที่ ๑ ที่ ๓ ได้ตามขอ
วันที่ ๙ เมษายน ๒๕๒๗ โจทก์ยื่นคำแถลงขอให้ศาลจ่ายเงินที่ขายทอดตลาดที่ดินให้โจทก์ในฐานะเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาศาลช้นต้นสั่งว่ามีผู้ร้องขอกันส่วนเงินที่ได้จากการทอดตลาดยังจ่ายเงินให้โจทก์ไม่ได้
วันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๒๗ โจทก์ยื่นคำร้องให้ศาลชั้นต้นสั่งเพิกถอนคำสั่งที่ได้สั่งจ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดินให้แก่ผู้ร้องที่ ๑ และที่ ๓ ตามส่วน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งตามคำร้องของโจทก์เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๒๗ และสั่งนัดทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องที่ ๑ และที่ ๓ ที่ขอรับเงินเฉพาะส่วนของตน และสั่งว่าให้ถือว่าคำร้องฉบับลงวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๒๗ (ของโจทก์) เป็นคำคัดค้านของโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งนัดทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องที่ ๑ และที่ ๓ เป็นคำสั่งระหว่างพิจารณาอุทธรณ์ของโจทก์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ (๑) พิพากษายกอุทธรณ์โจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เห็นว่าผู้ร้องที่ ๑ ที่ ๓ ร้องขอให้จ่ายเงินที่ได้จากการขายทอดตลาดที่ดิน ซึ่งผู้ร้องมีกรรมสิทธิ์ร่วมตามส่วน ซึ่งผู้ร้องมีสิทธิที่จะร้องขอได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๘๗ และการร้องขอไม่มีกำหนดระยะเวลาไว้ ผู้ร้องร้องขอภายหลังจากการขายทอดตลาดแล้วได้
ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายให้ผู้ร้องโดยมิได้สอบถามโจทก์ก่อน ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องคัดค้านอ้างว่า ผู้ร้องไม่มีสิทธิร้อง ผู้ร้องไม่มีกรรมสิทธิ์ร่วมและเป็นหนี้ร่วม ขอให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งจ่ายเงินให้แก่ผู้ร้อง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งที่จ่ายเงินให้ผู้ร้องและสั่วไต่สวนคำร้องของผู้ร้องต่อไป การที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งโดยมิได้ยกคำร้องของผู้ร้อง แต่ให้ทำการไต่สวนคำร้องต่อไป ถือได้ว่าศาลชั้นต้นรับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณา และคำร้องของผู้ร้องไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตตามคำร้องโดยไม่ต้องทำการไต่สวนก่อน เมื่อโจทก์คัดค้านคำร้อง การที่ศาลชั้นต้นจะพิจารณาสั่งคำร้องต่อไปโดยถูกต้อง ศาลชั้นต้นมีอำนาจทำการไต่สวนก่อนที่จะสั่งคำร้องได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๑ (๔) คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้อง จึงเป็นคำสั่งระหว่างพิจารณา เมื่อคดีอยู่ระหว่างไต่สวนพิจารณาสั่งคำร้องของผู้ร้อง โจทก์ไม่มีสิทธิอุทธรณ์ขอให้ยกเลิกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ทำการไต่สวนคำร้องของผู้ร้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๖ (๑)
พิพากษายืน

Share