คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3138/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีมีข้อพิพาทกันเกี่ยวกับเขตที่ดินของโจทก์ที่ 2 กับที่ดินอันเป็นที่ตั้งของสำนักสงฆ์ซึ่งอยู่ติดต่อกับว่าอยู่ตรงที่ใด และที่ดินตรงนั้นจะเป็นของโจทก์ที่ 2 หรือของสำนักสงฆ์ โจทก์ที่ 2 จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 จึงทำบันทึกข้อตกลงว่าให้ที่ดินตรงที่พิพาทกันนั้นตกเป็นของสำนักสงฆ์วัด ราษฎรสามัคคี ส่วนที่ดินของโจทก์ที่ 2 ที่ขาดไปนั้น จำเลยที่ 1 ยินยอมให้รังวัดที่ดินส่วนของจำเลยที่ 1 ชดใช้โจทก์ที่ 2 จนครบ ข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่ 2 กับจำเลยที่ 1 ดังกล่าวนี้เป็นการผ่อนผันให้กันและกันเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์ 2 กับจำเลยที่ 2 เข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดที่ ๓๒๗๔ ตำบลมีชัย อำเภอเมืองหนองคาย จังหวัดหนองคาย ขณะฟ้องจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของที่ดินมีเขตติดที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันตก จำเลยที่ ๒ เป็นผู้รักษาการตำแหน่งเจ้าอาซาสสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีซึ่งตั้งอยู่ติดที่ดินของโจทก์ทางทิศตะวันออก สำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีบุกรุกเข้ามาในที่ดินของโจทก์ยาวตอลดแนวที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศตะวันออก เป็นเนื้อที่ ๑ งาน ๗๐ ตารางวา เพื่อมิให้สำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีต้องรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของโจทก์ที่ ๒ โจทก์ที่ ๒ จำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๒ ได้ตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันว่า จำเลยที่ ๑ ยินยอมให้ที่ดินของจำเลยที่ ๑ ชดใช้ที่ดินของโจทก์ที่ ๒ ที่ขาดไปจนครบ หลังจากทำสัญญาแล้ว จำเลยที่ ๑ ไม่ยอมรังวัดที่ดินชดใช้ให้โจทก์ที่ ๒ และจำเลยที่ ๑ จะโอนที่ดินของจำเลยที่ ๑ ทั้งแปลงให้แก่บุคคลที่จำเลยที่ ๒ เชิดให้เป็นตัวแทนซื้อที่ดิน เมื่อโอนกันแล้วจึงโอนต่อให้จำเลยที่ ๒ ต่อไป โจทก์ไปคัดค้านการโอนไว้แล้ว ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองโอนที่ดินของจำเลยที่ ๑ ตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การว่า สำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีไม่เคยบุกรุกที่ดินของโจทก์หลังจากทำบันทึกข้อตกลงตามฟ้องแล้ว โจทก์กับจำเลยที่ ๑ ตกลงกันใหม่โดยยกเลิกบันทึกข้อตกลงเดิม จำเลยที่ ๑ มิได้มีข้อพิพาทกับโจทก์ที่ ๒ เอกสารข้อตกลงท้ายฟ้องไม่มีข้อความให้ระงับข้อพิพาทแต่อย่างใด จึงไม่ใช่สัญญาประนีประนอมยอมความ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องบังคับให้จำเลยที่ ๑ โอนที่ดินให้โจทก์ จำเลยที่ ๒ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่พิพาทเป็นส่วนตัว++ให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาตามเอกสารท้ายฟ้องเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ ข้อที่จำเลยอ้างว่ามีการตกลงกันใหม่ไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือรับฟังไม่ได้พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ โอนที่พิพาทตามสัญญาให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องคำให้การมูลกรณีเกิดจากมีปัญหาว่าสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีอันมีจำเลยที่ ๒ เป็นผู้รักษาการตำแหน่งเจ้าอาวาสปลูกสร้างอาคารรุกล้ำที่ดินของโจทก์ซึ่งอยู่ติดกันหรือไม่ จำเลยที่ ๑ ไม่มีข้อพิพาทหรือมีและมีข้อพิพาทกับโจทก์ที่ ๒ แต่อย่างใด การที่จำเลยที่ ๑ ตกลงจะให้ที่ดินแก่โจทก์ที่ ๒ ก็เพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์ที่ ๒ กับสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคีหรือจำเลยที่ ๒ และในการตกลงกันนี้โจทก์ที่ ๒ ก็มิได้ผ่อนผันอะไรให้แก่จำเลยที่ ๑ เลย บันทึกหรือสัญญาตามเอกสาร จ.๑ มิใช่สัญญาประนีประนอมยอมความตามกฎหมาย โจทก์ไม่มีสิทธิเอาสัญญาดังกล่าวมาฟ้องให้บังคับจำเลยได้ ไม่จำต้องวินิจฉัยปัญหาข้ออื่นต่อไปพิพากษากลับ ยกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าบันทึกข้อตกลงตามเอกสารหมาย จ.๑ เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความหรือไม่ เห็นว่าการที่ทำบันทึกข้อตกลงขึ้น เพราะโจทก์ที่ ๒ กับจำเลยที่ ๒ จะมีกรณีพิพาทกันเกี่ยวกับเขตที่ดินของโจทก์ที่ ๒ กับที่พิพาทอันเป็นที่ตั้งสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคี ซึ่งอยู่ติดต่อกันว่าอยู่ตรงที่ใด และที่ดินตรงนั้นจะเป็นของโจทก์ที่ ๒ หรือของสำนักสงฆ์วัดราษฎร์สามัคคี จึงเป็นการระงับข้อพิพาทซึ่งจะมีขึ้นให้เสร็จไปโดยโจทก์ที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ยอมผ่อนผันให้กันและกัน และการที่โจทก์ที่ ๒ และจำเลยที่ ๒ ตกลงกันได้ก็สืบเนื่องมาจากจำเลยที่ ๑ ยอมให้โจทก์ที่ ๒ รังวัดที่ดินเข้ามาในที่ดินของจำเลยที่ ๑ เท่าที่โจทก์ที่ ๒ ตกลงยอมให้จำเลยที่ ๒ ไป ถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ ร่วมระงับข้อพิพาทรายนี้ด้วย ข้อตกลงระหว่างโจทก์ที่ ๒ กับจำเลยที่ ๑ เป็นการผ่อนผันให้กันและกันเพื่อระงับข้อพิพาทระหว่างโจทก์ที่ ๒ กับจำเลยที่ ๒ จึงเข้าลักษณะเป็นสัญญาประนีประนอมยอมความ
ส่วนปัญหาที่ว่าโจทก์จะมีสิทธิเรียกร้องให้จำเลยที่ ๑ ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความได้เพียงใดหรือไม่ ยังมีข้อเท็จจริงที่โต้เถียงอยู่ และเป็นปัญหาสำคัญ แต่ศาลอุทธรณ์ยังมิได้วินิจฉัย จึงเห็นสมควรให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาข้อนี้ก่อน
พิพากษายกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยปัญหาดังกล่าวก่อนแล้วพิพากษาใหม่ ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกา ให้ศาลอุทธรณ์รวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share