คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1239/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522มาตรา 64 โดยบรรยายฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันซ่อนเร้นคนต่างด้าวไว้ในบ้านของจำเลย แต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่า ซ่อนเร้นไว้ในบ้านพวกของจำเลยซึ่งอยู่ตำบลเดียวกับบ้านของจำเลย ดังนี้ เป็นเพียงข้อแตกต่างในรายละเอียดไม่เป็นเหตุที่จะพิพากษายกฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกร่วมกันซ่อนเร้นคนต่างด้าวเชื้อชาติเขมรสัญชาติเขมร ซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยฝ่าฝืนกฎหมาย และให้คนต่างด้าวพักอาศัยอยู่ในบ้านของจำเลยเพื่อช่วยเหลือมิให้ถูกจับกุมหรือถูกควบคุมตัว เจ้าพนักงานตรวจพบบุคคลต่างด้าวดังกล่าวพักอาศัยอยู่ในบ้านของพวกจำเลยจึงจับกุมจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกับพวกซ่อนเร้นและให้คนต่างด้าวพักอาศัยที่บ้านของพวกจำเลยเพื่อให้พ้นจากการจับกุม แต่โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยซ่อนเร้นและให้คนต่างด้าวพักอาศัยที่บ้านของจำเลย ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงดังกล่าวในฟ้อง และจำเลยหลงต่อสู้ พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์ว่า ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในการพิจารณาไม่ต่างกับข้อเท็จจริงที่กล่าวในฟ้อง จำเลยไม่หลงต่อสู้

จำเลยอุทธรณ์ว่า จำเลยไม่ได้กระทำผิดดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัย

ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยไม่หลงข้อต่อสู้ กระทำผิดจริง พิพากษากลับให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 จำคุก 4 เดือน จำเลยรับสารภาพในขณะถูกจับกุมเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 2 เดือน 20 วัน

จำเลยฎีกาว่า ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาต่างกับข้อเท็จจริงที่โจทก์ฟ้องจำเลยหลงข้อต่อสู้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 มาตรา 64 บัญญัติว่า ผู้ใดรู้ว่าคนต่างด้าวคนใดเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ให้เข้าพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใด ๆ เพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมต้องระวางโทษ ฯลฯ โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันซ่อนเร้นคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาในราชอาณาจักรโดยฝ่าฝืนพระราชบัญญัตินี้ซึ่งข้อเท็จจริงจำเลยกับนายจักรทิพย์พวกของจำเลยได้ร่วมกันซ่อนเร้นคนต่างด้าวดังกล่าวจริง แม้ว่าตามฟ้องจะกล่าวเป็นใจความว่าซ่อนเร้นไว้ในบ้านของจำเลยแต่ข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในทางพิจารณาได้ความว่า ซ่อนเร้นไว้ในบ้านของนายจักรทิพย์ ซึ่งก็อยู่ตำบลเดียวกับบ้านของจำเลย ข้อแตกต่างก็เป็นเพียงรายละเอียด ไม่ใช่ข้อสารสำคัญและจำเลยก็ไม่ได้หลงข้อต่อสู้ ไม่เป็นเหตุที่จะต้องพิพากษายกฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share