คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2032/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วย เมื่อมีเหตุน่าเชื่อว่าทนายโจทก์ป่วยจนไม่อาจดำเนินคดีได้ ถือได้ว่ากรณีมีความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 40 ประกอบกับเป็นการขอเลื่อนคดีเป็นครั้งแรก จึงมีเหตุอันควรที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีได้ โดยมิต้องคำนึงว่ามีการยื่นบัญชีระบุพยานแล้วหรือไม่ เพราะเป็นคนละกรณีกัน
เมื่อศาลไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีและมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้สืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาติให้โจทก์เลื่อนคดีได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 กรณีไม่ถือว่าเป็นกระบวนพิจารณาโดยขาดนัดจึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา 208

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องเรียกโค ๕ ตัว ราคา ๑๒,๐๐๐ บาทจากจำเลย ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นให้โจทก์เป็นฝ่ายนำสืบก่อน ถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายโจทก์มอบฉันทะให้ ท. นำคำร้องขอเลื่อนคดีมายื่น อ้างเหตุว่าทนายโจทก์ป่วยไม่สามารถมาว่าคดีได้ ทนายจำเลยแถลงคัดค้านว่า ทนายโจทก์ขอเลื่อนคดีเพราะมิได้ยื่นบัญชีระบุพยานและไม่น่าเชื่อว่าป่วยจริงเพราะไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า น่าจะเป็นเรื่องที่โจทก์ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน มิใช่เรื่องของการเจ็บป่วย จึงไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี และมีคำสั่งว่า โจทก์ขาดนัดพิจารณาและไม่มีพยานมาสืบ ให้เลื่อนไปนัดสืบพยานจำเลย
ก่อนถึงวันนัดสืบพยานจำเลย ทนายโจทก์ยื่นคำร้องว่าทนายโจทก์ป่วยจริงไม่สามารถมาศาลได้ ขอให้ศาลเพิกถอนคำสั่งและอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ให้สืบพยานจำเลยต่อไป แล้วพิพากษายกฟ้อง โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านคำสั่งไว้แล้ว
โจทก์อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสืบพยานของคู่ความต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ ให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เรื่องนี้ทนายโจทก์อ้างเหตุการขอเลื่อนคดีว่าเป็นเพราะความเจ็บป่วย และจากการไต่สวนพยานโจทก์ว่า ทนายของโจทก์ป่วยมีอาการวิงเวียนศรีษะไม่อาจดำเนินคดีแก้ต่างในวันนับสืบพยานได้ทนายจำเลยได้แถลงคัดค้านไว้ตอนแรกเพียงว่า ไม่น่าเชื่อว่าทนายโจทก์จะป่วยจริงเท่านั้น แต่ก็หาได้นำสืบหักล้างข้อนำสืบของโจทก์ในเรื่องนี้ไม่ แม้แต่จะขอให้ศาลมีคำสั่งเพื่อดำเนินการอย่างหนึ่งอย่างใด ในอันที่จะพิสูจน์ถึงการเจ็บป่วยว่าจะเป็นจริงหรือไม่ ดังที่ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๑ ให้สิทธิไว้ ตามทางไต่สวนจากพยานที่โจทก์นำสืบ คดีมีเหตุผลน่าเชื่อว่าทนายของโจทก์เกิดเจ็บป่วยไม่อาจดำเนินคดีแก้ต่างได้ดังคำร้องของทนายโจทก์จริง ซึ่งถือได้ว่ามีกรณีเกิดความจำเป็นอันไม่อาจก้าวล่วงเสียได้ และเป็นการเลื่อนคดีครั้งแรก ทั้งตามรูปคดีมีเหตุผลที่จะอนุญาตให้โจทก์เลื่อนคดีเพราะความป่วยเจ็บของทนายโจทก์ได้ ซึ่งเป็นข้ออ้างคนละกรณีกับการไม่ยื่นบัญชีระบุพยาน จะนำมาวินิจฉัยปะปนกันโดยมิได้คำนึงถึงความถูกต้องเป็นจริงและความยุติธรรมนั้น หาเป็นการชอบไม่
ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์อุทธรณ์เฉพาะคำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีเพียงอย่างเดียว โดยมิได้อุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาของศาลชั้นต้นด้วยเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๘ การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยและพิพากษาดังกล่าวจึงเป็นการพิพากษาที่ไม่ชอบนั้นเห็นว่ากรณีนี้มิใช่เป็นกรณีของการขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่โดยการขาดนัดคู่ความมีสิทธิที่จะอุทธรณ์คำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลชั้นต้นได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๒๓ อุทธรณ์โจทก์จึงไม่อยู่ในบังคับของมาตรา ๒๐๘ ดังที่จำเลยฎีกา
พิพากษายืน ค่าทนายความชั้นฎีกาให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำพิพากษาใหม่

Share