แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เดิมตลาดที่เกิดเหตุเป็นของมารดาผู้เสียหาย จำเลยเป็นพ่อค้าเปิดพะโล้และลูกชิ้นทอด เข็นรถเข้าไปตั้งขายตรงทางเดินอันเป็นส่วนหนึ่งของตลาดดังกล่าวมาหลายปี โดยชำระค่าเช่าเป็นรายวันไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน ต่อมามรดกผู้เสียหายถึงแก่กรรมได้ทำพินัยกรรมยกตลาดให้ผู้เสียหาย จำเลยชำระค่าเช่าบ้างไม่ชำระบ้าง ผู้เสียหายจึงให้เจ้าพนักงานตำรวจเรียกจำเลยมาแจ้งไม่ให้เข้าไปขายของในตลาดพิพาท จำเลยยังขืนนำรถเข็นเข้าไปขายของดังที่เคยทำมา เช่นนี้การเช่าของจำเลยเป็นการเช่ารายวัน และพอสิ้นวันหนึ่ง ๆ จำเลยก็ได้ออกไปจากตลาด การครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลงเป็นวัน ๆ เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยเข้าไปขายของในตลาดอีกต่อไป จำเลยยังขืนเข้าไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปในที่ดิน ของนางสมพักตร์ผู้เสียหาย โดยไม่มีเหตุอันสมควร ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ จำคุกจำเลย ๑ เดือน ปรับ ๘๐๐ บาท โทษจำคุกรอไว้ ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า เดิม ตลาดที่เกิดเหตุเป็นของมารดาผู้เสียหาย จำเลยเป็นพ่อค้าเปิดพะโล้และลูกชิ้นทอด เข็นรถเข้าไปตั้งขายตรงทางเดินอันเป็นส่วนหนึ่งของตลาดดังกล่าวมาหลายปี โดยชำระค่าเช่าเป็นรายวันไม่ได้ทำสัญญาเช่ากัน ต่อมามารดาผู้เสียหายถึงแก่กรรมได้ทำพินัยกรรมยกตลาดให้ผู้เสียหาย จำเลยชำระค่าเช่าบ้างไม่ชำระบ้าง ผู้เสียหายจึงให้เจ้าพนักงานตำรวจเรียกจำเลยมาแจ้งไม่ให้เข้าไปขายของในตลาดพิพาท จำเลยได้ทราบแล้วยังขืนนำรถเข็นเข้าไปขายของดังที่เคยทำมา ที่จำเลยฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ เพราะจำเลยได้เข้าไปค้าขายโดยมีสัญญาเช่าโดยปริยายนั้น ศาลฎีกาเห็นว่า การเช่าของจำเลยเป็นการเช่าเป็นรายวัน และพอสิ้นวันหนึ่ง ๆ จำเลยก็ได้ออกไปจากตลาด การครอบครองของจำเลยจึงสิ้นสุดลงเป็นวัน ๆ เมื่อผู้เสียหายไม่ยอมให้จำเลยเข้าไปขายของในตลาดอีกต่อไป จำเลยยังขืนเข้าไป การกระทำของจำเลยจึงเป็นความผิดบุกรุกตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ คำพิพากษาฎีกาที่จำเลยอ้าง ข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้
พิพากษายืน