คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3127/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามในระหว่างอุทธรณ์จำเลยที่ 1 ที่ 3 ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง จังหวัดนนทบุรี การที่จำเลยที่ 1 ที่ 3ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางเช่นนี้ ไม่ใช่กรณีที่จำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่อยู่ ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 183 วรรค 3ซึ่งศาลต้องรอการอ่านคำพิพากษาไว้จนกว่าจำเลยจะมาศาลแต่ถือว่าจำเลยที่ 1 และที่ 3 มีตัวอยู่ เพียงแต่ถูกส่งตัวไปคุมขังที่อื่นโดยได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้น
การที่ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังพร้อมกับจำเลยที่ 2 ก่อน แล้วจึงส่งคำพิพากษานั้นไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 ฟัง เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งฉบับให้โจทก์ฟังโดยชอบ โจทก์จะแยกว่าที่โจทก์ฟังมาแล้วเป็นการฟังเฉพาะคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ที่เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เท่านั้น จะขอให้ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ฟังเกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ที่ 3 ไม่ได้

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจาก หลังจากที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสามและจำเลยทั้งสามอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นแล้วต่อมาจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางเมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้วได้ส่งคำพิพากษาและสำนวนไปศาลชั้นต้นศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์และจำเลยที่ ๒ ฟังเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๑๕ แล้วส่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ที่ถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวางฟัง ศาลจังหวัดนนทบุรีได้อ่านให้จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฟังแล้วเมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน ๒๕๑๕ ต่อมาวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน๒๕๑๕ โจทก์ยื่นคำร้องว่าโจทก์ได้รับทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เฉพาะจำเลยที่ ๒ ซึ่งศาลได้อ่านให้ฟังแล้วเมื่อวันที่ ๒๑ กันยายน ๒๕๑๕ส่วนจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ศาลส่งคำพิพากษาไปอ่านให้จำเลยฟังที่ศาลจังหวัดนนทบุรีโจทก์ทราบว่าศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ร่วมและจำเลยที่ ๑ที่ ๓ ฟังแล้ว จึงขอให้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังเกี่ยวกับจำเลยที่ ๑และที่ ๓
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ถือว่าโจทก์ทราบคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๑ และจำเลยที่ ๓ ในวันอ่านให้โจทก์ฟังแล้วจะแยกว่าโจทก์ฟังเฉพาะจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ จึงไม่มีเหตุที่จะต้องอ่านให้โจทก์ฟังอีก ให้ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาในกรณีที่จำเลยไม่อยู่โดยไม่ปรากฏว่าหลบหนี ศาลจะอ่านคำพิพากษาให้โจทก์ฟังก่อนโดยอ่านลับหลังจำเลยหาได้ไม่ เป็นการขัดต่อประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๘๒ ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ถูกส่งตัวไปคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวางจังหวัดนนทบุรี มิใช่เป็นกรณีที่จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ไม่อยู่ตามความหมายแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๘๒ วรรค ๓ ซึ่งศาลต้องรอการอ่านคำพิพากษาไว้ จนกว่าจำเลยจะมาศาล แต่ถือว่าจำเลยที่ ๑ ที่ ๓ มีตัวอยู่ เพียงแต่ถูกส่งตัวไปคุมขังที่อื่นโดยได้รับอนุญาตจากศาลเท่านั้นและจำเลยที่ ๒ ก็ยังถูกคุมขังอยู่ที่เรือนจำจังหวัดสุราษฎร์ธานี การที่ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้โจทก์ฟังพร้อมกับจำเลยที่ ๒ ก่อนแล้วจึงส่งคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไปให้ศาลจังหวัดนนทบุรีอ่านให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๓ ฟัง เป็นการอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ทั้งฉบับให้โจทก์ฟังโดยชอบ ซึ่งโจทก์ทราบผลของคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับจำเลยทั้งหมดแล้ว โจทก์จะแยกว่าที่โจทก์ฟังมาแล้วเป็นการฟังเฉพาะเกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ เท่านั้นไม่ได้ ดังนั้น จึงไม่มีเหตุที่จะอ่านให้โจทก์ฟังอีก
พิพากษายืน

Share