คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3117/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

แม้ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานจะมีความเห็นว่าลายมือชื่อของจำเลยในเอกสารต่าง ๆ กับลายมือชื่อของจำเลยในสัญญากู้ไม่ใช่ลายมือชื่อของคนเดียวกันก็ตาม แต่โจทก์จำเลยไม่ได้ตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญเป็นข้อแพ้ชนะความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องฟังตามนั้นเสมอไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินที่ได้กู้ยืมไปตามสัญญากู้พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่าลายมือชื่อของตนในช่องผู้กู้เป็นลายมือชื่อปลอม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ ได้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในสัญญากู้โดยเปรียบเทียบกับตัวอย่างลายมือชื่อและลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในเอกสารต่าง ๆ แล้ว มีความเห็นว่าไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันแสดงว่าจำเลยที่ 2 มิได้ลงชื่อในสัญญากู้นั้น เห็นว่า ตามรายงานกระบวนพิจารณาของศาลชั้นต้น ไม่ปรากฏว่าโจทก์และจำเลยตกลงท้ากันให้ถือความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในการตรวจพิสูจน์เป็นข้อแพ้ชนะ แม้ความคิดเห็นตามหลักวิชาของพยานผู้เชี่ยวชาญจะเป็นพยานที่ศาลรับฟัง แต่ก็มิใช่ว่าผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นอย่างไร ศาลต้องรับฟังตามนั้นเสมอไป กลับได้ความว่าเมื่อครั้งพนักงานเจ้าหน้าที่นำหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไปส่งให้จำเลย จำเลยที่ 2 ลงชื่อรับหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องไว้ด้วยตนเองซึ่งเป็นการลงชื่อก่อนที่จะคิดทำคำให้การแก้คดี ก็ปรากฏว่าลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในใบรับหมายนั้นมีลักษณะของการเขียนและขนาดของตัวหนังสือคล้ายคลึงกันกับลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ในสัญญากู้คดีนี้โจทก์มีประจักษ์พยานและพยานเอกสารประกอบด้วยเหตุผล มีน้ำหนักดีกว่าพยานจำเลย ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยที่ 2 ได้กู้ยืมเงินโจทก์ไปตามฟ้องแล้วไม่ชำระหนี้ให้โจทก์
พิพากษายืน

Share