แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์มีรายได้จากการค้ามันอัดเม็ด โจทก์เสียภาษีประจำปีพ.ศ. 2519 ไม่ถูกต้อง เจ้าพนักงานประเมินหมายเรียกให้โจทก์ส่งบัญชีและหลักฐานเอกสารประกอบการลงบัญชีเพื่อตรวจสอบเงินได้ประจำปี โจทก์ให้การต่อเจ้าพนักงานประเมินว่า ไม่สามารถส่งหลักฐานเพราะไม่ได้จัดทำบัญชีไว้ เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีเงินได้ที่โจทก์ต้องเสียเพิ่มสำหรับปี พ.ศ. 2519 โดยคิดหักค่าใช้จ่ายเทียบเคียงกับการหักค่าใช้จ่ายแบบการเหมาในอัตรา ร้อยละ 85 ตามมาตรา8 ข้อ 3 แห่งพระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกำหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2505 โจทก์ก็ยอมรับโดยไม่โต้แย้งถือได้ว่าโจทก์สละสิทธิในการที่จะนำหลักฐานไปแสดงต่อเจ้าพน้กงานประเมินเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าโจทกืม่ค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควรมากกว่าที่ถูกหักการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินจึงถือได้ว่าเป็นการหักค่าใช้จ่ายให้ตามความจำเป็นและสมควรและเป็นการประเมินที่ชอบแล้ว.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีของเจ้าพนักงานประเมินตามหนังสือ ภ.ง.ด. 11 ประจำปี พ.ศ. 2519 ฉบับที่ 9/2519ลงวันที่ 17 มีนาคม 2521 และให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ภ.ส. 7 เลขที่/ที่ กค.0842/2529 ลงวันที่ 26 มิถุนายน 2529 ของจำเลยที่ 2, ที่ 3 และที่ 4 กับขอให้โจทก์ต้องชำระภาษีเงินได้สำหรับปีภาษี พ.ศ. 2519 เป็นเงิน 64,541.93 บาท
จำเลยทั้งสี่ให้การว่า เจ้าพนักงานประเมินได้ทำการประเมินให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (เพิ่มเติม) สำหรับเงินได้ของโจทก์ประจำปี พ.ศ. 2519 และคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของโจทก์ได้กระทำโดยชอบด้วยข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทุกประการ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิจารณาแล้ว พิพากษาให้เพิกถอนการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินตามหนังสือ ภ.ง.ด. 11 ประจำปี พ.ศ.2519 ฉบับที่ 9/2519 ลงวันที่ 17 มีนาคม 2521 และให้เพิกถอนคำวินิจฉัยอุทธรณ์ที่ ภ.ส. 7 เลขที่ กค.0842/2529 ลงวันที่ 26มิถุนายน 2529 ของจำเลยที่ 2, ที่ 3 และที่ 4 เสีย ให้โจทก์ชำระภาษีเงินได้สำหรับปีภาษี พ.ศ. 2519 เป็นเงิน 523,436.82บาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์และจำเลยทั้งสี่อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีภาษีอากรวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาว่าการประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่าเมื่อนายบุญศักดิ์ เจียมปรีชา เจ้าพนักงานประเมินสำหรับท้องที่จังหวัดชลบุรีของจำเลยที่ 1 ตรวจสอบพบหลักฐานว่าโจทก์มีเงินได้มากกว่า 250,000 บาท โดยมีเงินได้จากการขายมันอัดเม็ด11,346,987 บาท นายสมบูรณ์ ไพบูลย์ศิริ เจ้าพนักงานประเมินจึงออกหมายเรียกให้โจทก์นำบัญชีที่ต้องจัดทำตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 285 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2515 และหรือบัญชีที่ต้องจัดทำตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด รวมทั้งหลักฐานเอกสารประกอบการลงบัญชี และบัญชีเงินฝากธนาคารทุกธนาคารจำนวน พ.ศ. 2519 ไปส่งมอบเพื่อการตรวจสอบ ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 23 โจทก์ได้มอบอำนาจให้นางกิมตึ้ง แซ่ตั๊นไปให้การต่อเจ้าพนักงานประเมินนางกิมตึ้งให้การว่าโจทก์ไม่ได้จัดทำบัญชีที่ต้องจัดทำตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 285 ลงวันที่ 24 พฤศจิกายน 2515 และบัญชีที่ต้องจัดทำตามแบบที่อธิบดีกรมสรรพากรกำหนด จึงไม่สามารถส่งหลักฐานเอกสารให้ตรวจสอบ ซึ่งต่อมาวันที่ 10 มีนาคม 2521โจทก์ได้ไปให้การต่อเจ้าพนักงานประเมินอีกว่าไม่สามารถส่งหลักฐานเพราะไม่ได้จัดทำบัญชีไว้ การที่โจทก์เบิกความว่าโจทก์ได้มีหลักฐานค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของโจทก์ปรากฏตามเอกสารหมาย จ.4, จ.5, จ.9, จ.10/1, จ.10/2, และจ.10/3 แต่เจ้าพนักงานประเมินหมายเรียกให้โจทก์ส่งบัญชีอย่างเดียว ไม่ได้เรียกให้ส่งหลักฐานโจทก์จึงไม่ได้ส่งให้ ศาลฎีกาได้ตรวจหมายเรียกเอกสารหมาย ล.2 แล้ว ปรากฏว่าในหมายเรียกระบุให้โจทก์ส่งบัญชีและหลักฐาน เอกสารประกอบการลงบัญชี เพื่อตรวจสอบเงินได้ประจำปี พ.ศ. 2519 ของโจทก์ ถ้าโจทก์มีหลักฐานจริงก็น่าจะส่งให้เจ้าพนักงานประเมิน แต่โจทก์อ้างว่าไม่ได้ทำบัญชีไว้ จึงไม่สามารถส่งหลักฐานได้ และและขอให้เจ้าพนักงานประเมินกักค่าใช้จ่ายเป็นการเหมาถือได้ว่าโจทก์ไม่มีหลักฐานไปแสดงต่อเจ้าพนักงานประเมิน เมื่อเจ้าพนักงานประเมินได้ประเมินภาษีเงินได้ที่โจทก์ต้องเสียเพิ่มสำหรับปี พ.ศ. 2519 และคิดหักค่าใช้จ่ายโดยเทียบเคียงกับการหักค่าใช้จ่ายแบบการเหมาในอัตราร้อยละ85 ตามมาตรา 8 ข้อ 23 แห่งพระราชกฤษฎีกา (ฉบับที่ 11) พ.ศ. 2502จึงถือได้ว่าเป็นการหักค่าใช้จ่ายให้ตามความจำเป็นและสมควรแล้ว ซึ่งโจทก์ก็ยอมรับโดยไม่โต้แย้งแต่อย่างใดในชั้นประเมินของเจ้าพนักงานประเมิน แม้ต่อมาโจทก์ได้อุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์กับได้ส่งหลักฐานเอกสารค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการของโจทก์ แต่กรณีก็ถือได้ว่าโจทก์ได้สละสิทธิในการที่จะนำหลักฐานไปแสดงต่อเจ้าพนักงานประเมินเพื่อที่จะพิสูจน์ว่าโจทก์มีค่าใช้จ่ายที่จำเป็นและสมควรมากกว่าที่ถูกหักเสียแล้ว โจทก์จะกลับมาอ้างว่าหลักฐานมีอยู่จึงไม่ควรแก่การรับฟัง นอกจากนี้เอกสารที่โจทก์อ้างส่งศาลนั้นไม่มีพยานบุคคลมาสืบรับรองถึงความถูกต้อง จึงเลื่อนลอยรับฟังไม่ได้ว่าโจทก์ได้มีรายการค่าใช้จ่ายอันจำเป็นตามเอกสารเหล่านั้น การประเมินของเจ้าพนักงานประเมินและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของคณะกรรมการพิจารณาอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.