แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีหุ้นในห้างหุ้นส่วนหลายแห่ง และยังมีอาชีพรับจ้างตบแต่งสถานที่ มีรายได้รวมทั้งหมดประมาณเดือนละ 40,000 บาท การที่จำเลยใช้สร้อยคอทองคำราคาหนึ่งแสนบาทเศษเป็นเครื่องประดับร่างกายจึงพอสมควรแก่ฐานานุรูป
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2523 เวลาประมาณ 18.30 นาฬิกาจำเลยพยายามลักลอบเอาทองคำซึ่งทำเป็นสร้อยสวมคอขณะจะเดินทางไปประเทศฮ่องกง หนัก 381.1 กรัม ราคา 129,030.30 บาท อันเป็นของต้องกำกัดและยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยลงมือกระทำความผิดแล้วแต่กระทำไปไม่ตลอดเพราะเจ้าหน้าที่ศุลกากรประจำด่านศุลกากรท่าอากาศยานกรุงเทพตรวจค้นพบเสียก่อน ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2469 มาตรา 27 ฯลฯ พระราชกฤษฎีกาควบคุมการส่งออกไปนอกราชอาณาจักรซึ่งสินค้าบางอย่าง (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2485 มาตรา 5 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 80 พระราชบัญญัติการส่งออกไปนอกและนำเข้ามาในราชอาณาจักรซึ่งสินค้า พ.ศ. 2522 มาตรา 3, 24 ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยผิดตามฟ้อง ปรับ 344,080.30 บาทเฉพาะสร้อยคำทองคำของกลางให้ริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ว่าจำเลยใช้สร้อยคำทองคำของกลางเป็นเครื่องประดับ เป็นการสมควรแก่ฐานานุรูปหรือไม่ ตามที่จำเลยนำสืบฟังได้ว่าจำเลยมีหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดกิจไพศาลกลการ และมีหุ้นในห้างหุ้นส่วนจำกัดนครชัยเฟอร์นิเจอร์กับจำเลยยังรับจ้างตบแต่งสถานที่ มีรายได้รวมทั้งหมดประมาณเดือนละ 40,000 บาท ขึ้นไป จำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูน้องชายคนเดียวและจำเลยเคยเดินทางไปต่างประเทศมาแล้วหลายครั้ง ที่จำเลยใช้สร้อยคอทองคำราคาหนึ่งแสนบาทเศษเป็นเครื่องประดับร่างกาย จึงสมควรแก่ฐานานุรูป
พิพากษายืน