คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9821/2558

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

คำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 28 มกราคม 2557 ที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้น ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบ ป.วิ.อ. มาตรา 15 บัญญัติให้คู่ความฝ่ายที่เสียหายอาจยกขึ้นกล่าวอ้างได้ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น ตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยไม่ชอบเพราะบ้านของจำเลยซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามฟ้องยังไม่ได้รื้อถอนและจำเลยพักอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าวตลอดมา อันเป็นการยกข้ออ้างที่ทำให้จำเลยไม่ทราบว่าศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ออกหมายจับจำเลยและอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่การที่จำเลยเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าว จำเลยก็ชอบที่จะยกข้อคัดค้านในเรื่องผิดระเบียบดังกล่าวขึ้นกล่าวอ้างภายในเวลาไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นด้วย ข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏว่าเมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม 2556 จำเลยทราบจากเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ตว่า จำเลยแพ้คดีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาตั้งแต่ต้นปี 2556 และต่อมาประมาณต้นเดือนมกราคม 2557 จำเลยให้ทนายความติดตามรายละเอียดของสำนวนคดีจึงทราบว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยไม่ชอบ จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างในเรื่องผิดระเบียบตามคำร้องดังกล่าวของจำเลยจากทนายความตั้งแต่ประมาณต้นเดือนมกราคม 2557 แล้ว เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่อ้างว่าผิดระเบียบเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2557 จึงช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นแล้ว จำเลยย่อมหมดสิทธิยกขึ้นอ้าง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 1, 9, 108 ทวิ และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทนและบริวารของจำเลยออกไปจากที่ราชพัสดุ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ต่อมาศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 แต่เจ้าหน้าที่รายงานว่าส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยไม่ได้ เพราะไม่พบบ้านเลขที่ 5/3 บริเวณดังกล่าวมีรอยการรื้อถอน สอบถามไม่มีใครรู้จัก ศาลชั้นต้นจึงปิดประกาศวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยทราบที่หน้าศาล เมื่อถึงกำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 จำเลยไม่มาศาล ศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับจำเลย ต่อมาวันที่ 22 มกราคม 2556 ซึ่งเป็นวันนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ยังจับกุมตัวจำเลยไม่ได้ ศาลชั้นต้นจึงอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ลับหลังจำเลยโดยถือว่าอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยฟังแล้ว ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษาลงโทษจำเลย และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกไปจากที่ราชพัสดุ
วันที่ 28 มกราคม 2557 จำเลยยื่นคำร้องว่า จำเลยไม่เคยได้รับหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 เมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม 2556 จำเลยเทปูนทำทางเข้าบ้านพักอาศัยของจำเลย เจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ตมาทักท้วงและห้ามปรามจำเลยพร้อมแจ้งว่าจำเลยแพ้คดีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาตั้งแต่ต้นปี 2556 ต่อมาประมาณต้นเดือนมกราคม 2557 จำเลยติดต่อทนายความให้ติดตามรายละเอียดของสำนวนคดีในศาลจึงทราบว่าศาลมีหมายนัดแจ้งให้จำเลยไปฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ตั้งแต่วันที่ 7 กันยายน 2555 โดยนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ในวันที่ 24 ตุลาคม 2555 แต่เจ้าหน้าที่รายงานว่าส่งหมายนัดไม่ได้เพราะไม่พบบ้านของจำเลย บริเวณดังกล่าวมีรอยรื้อถอน สอบถามไม่มีใครรู้จัก ศาลชั้นต้นจึงออกหมายจับจำเลยและอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ลับหลังจำเลย ดังนี้ การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยเป็นการไม่ชอบ เนื่องจากจำเลยไม่เคยรื้อถอนบ้านเลขที่ 5/3 ถนนดำรง ตำบลตลาดใหญ่ อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต และย้ายภูมิลำเนาออกไปจากบ้านดังกล่าว อีกทั้งเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2556 เรือนจำจังหวัดภูเก็ต มีหนังสือให้จำเลยรื้อถอนอาคารเลขที่ 5/3 ออกจากพื้นที่ของเรือนจำด้วย ขอให้เพิกถอนการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ โดยเพิกถอนหมายจับจำเลยและอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยฟังใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนและมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบของจำเลยชอบหรือไม่ เห็นว่า คำร้องของจำเลยฉบับลงวันที่ 28 มกราคม 2557 ที่ขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้น ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคสอง ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 บัญญัติให้คู่ความฝ่ายที่เสียหายอาจยกขึ้นกล่าวอ้างได้ไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนมีคำพิพากษา แต่ต้องไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่คู่ความฝ่ายนั้นได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้น แม้ตามคำร้องของจำเลยดังกล่าวอ้างว่า เจ้าหน้าที่ศาลส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยไม่ชอบเพราะบ้านของจำเลยซึ่งเป็นภูมิลำเนาตามฟ้องยังไม่ได้รื้อถอนและจำเลยพักอาศัยอยู่ที่บ้านดังกล่าวตลอดมา อันเป็นการยกข้ออ้างที่ทำให้จำเลยไม่ทราบว่าศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ออกหมายจับจำเลยและอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่การที่จำเลยเพิ่งทราบเรื่องดังกล่าว จำเลยก็ชอบที่จะยกข้อคัดค้านในเรื่องผิดระเบียบดังกล่าวขึ้นกล่าวอ้างภายในเวลาไม่ช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นตามบทบัญญัติดังกล่าวข้างต้นด้วย เมื่อข้อเท็จจริงตามคำร้องปรากฏว่าเมื่อประมาณต้นเดือนธันวาคม 2556 จำเลยทราบจากเจ้าหน้าที่เรือนจำจังหวัดภูเก็ตว่า จำเลยแพ้คดีโดยศาลอุทธรณ์ภาค 8 มีคำพิพากษาตั้งแต่ต้นปี 2556 และต่อมาประมาณต้นเดือนมกราคม 2557 จำเลยให้ทนายความติดตามรายละเอียดของสำนวนคดีจึงทราบว่า การส่งหมายนัดฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 8 ให้จำเลยไม่ชอบ จึงฟังได้ว่าจำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างในเรื่องผิดระเบียบตามคำร้องดังกล่าวของจำเลยจากทนายความตั้งแต่ประมาณต้นเดือนมกราคม 2557 แล้ว เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่อ้างว่าผิดระเบียบเมื่อวันที่ 28 มกราคม 2557 จึงช้ากว่าแปดวันนับแต่วันที่จำเลยได้ทราบข้อความหรือพฤติการณ์อันเป็นมูลแห่งข้ออ้างนั้นแล้ว จำเลยย่อมหมดสิทธิยกขึ้นอ้าง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 8 พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ยกคำร้องของจำเลยนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share