คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 9136/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้คัดค้านจะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างไว้ในคำคัดค้าน แต่เมื่อปัญหานี้ปรากฏตามคำร้องขอในสำนวน ผู้คัดค้านชอบจะหยิบยกขึ้นอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 วรรคสอง และศาลอุทธรณ์ภาค 7 ต้องวินิจฉัยปัญหานี้ให้ตามมาตรา 240 วรรคหนึ่ง ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องจึงถือว่าได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 7 ผู้คัดค้านจึงชอบจะฎีกาปัญหานี้ได้ ตามมาตรา 249 วรรคหนึ่ง
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าการสมรสระหว่าง ก. กับผู้คัดค้านเป็นโมฆะ เนื่องจากเป็นการสมรสซ้อนกับการสมรสระหว่าง ก. กับผู้ร้อง ซึ่งมาตรา 1497 กำหนดให้บุคคลผู้มีส่วนได้เสียคนใดคนหนึ่งจะกล่าวอ้างหรือจะร้องขอให้ศาลพิพากษาก็ได้ กรณีจึงเป็นเรื่องที่กฎหมายให้สิทธิบุคคลใช้สิทธิทางศาลได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55 ซึ่งตามมาตรา 171 กำหนดให้เสนอคดีได้ทั้งรูปคำฟ้องหรือคำร้องขอก็ได้แล้วแต่รูปเรื่องแห่งคดี และไม่ว่าจะเป็นการฟ้องคดีหรือการร้องขอก็ถือเป็นคำฟ้องเช่นกัน ผู้ร้องจึงมีอำนาจฟ้องด้วยการยื่นคำร้องขอตามมาตรา 171 ได้
ผู้ร้องนำสืบว่า ใบทะเบียนสมรสหาย ผู้ร้องขอคัดสำเนาโดยเจ้าพนักงานรับรองตามสำเนาทะเบียนสมรส เอกสารหมาย ร. 1 ตามที่ผู้ร้องได้ยื่นขอคัดข้อมูลทะเบียนครอบครัว เอกสารหมาย ร. 2 สำเนาทะเบียนสมรสดังกล่าวระบุว่า ผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับ ก. เป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรอง หรือสำเนาอันรับรองถูกต้องแห่งเอกสารนั้น ซึ่ง ป.วิ.พ. มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง ผู้คัดค้านจึงมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่เป็นจริงหรือไม่มีอยู่ การที่ผู้คัดค้านคาดคะเนว่าจะไม่เป็นจริง เพราะเหตุการณ์เกิดมานานแล้วเพิ่งจะคัดเอกสารนั้น เป็นการกล่าวอ้างลอย ๆ ไม่อาจหักล้างข้อสันนิษฐานดังกล่าวได้ กรณีต้องฟังว่า ก. สมรสกับผู้ร้องอยู่แล้ว ผู้คัดค้านกับ ก. มาสมรสกันภายหลัง จึงเป็นสมรสซ้อนซึ่งเป็นโมฆะ

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลพิพากษาว่าการสมรสระหว่างนายกำแพงกับนางพยอมเป็นโมฆะ
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า การสมรสระหว่างนายกำแพงกับนางพยอมตามทะเบียนสมรส สำนักทะเบียน อำเภอทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี เลขทะเบียนที่ 156/4152 ลงวันที่ 4 กันยายน 2552 เป็นโมฆะ ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านในข้อแรกว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอเป็นคดีนี้ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ซึ่งจะต้องทำเป็นคำฟ้อง ผู้ร้องจึงไม่มีอำนาจฟ้องนั้น เห็นว่า ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้คัดค้านจะมิได้ยกขึ้นกล่าวอ้างตั้งประเด็นไว้ในคำคัดค้าน แต่เมื่อปัญหานี้ปรากฏตามคำร้องขอในสำนวน ผู้คัดค้านจึงชอบจะหยิบยกขึ้นอุทธรณ์ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคสอง และศาลอุทธรณ์ภาค 7 จะต้องวินิจฉัยปัญหานี้ให้ตามมาตรา 240 วรรคหนึ่ง ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้อง จึงได้ว่ากล่าวกันมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ภาค 7 ผู้คัดค้านจึงชอบจะฎีกาปัญหานี้ได้ ตามมาตรา 249 วรรคหนึ่ง มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านข้อต่อไปว่า ข้อเท็จจริงตามคำร้องขอรับฟังได้หรือไม่ว่าผู้ร้องกับนายกำแพงจดทะเบียนสมรสกันตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2521 โดยผู้คัดค้านอ้างว่า เอกสารตามสำเนาทะเบียนสมรสที่ผู้ร้องอ้างมิใช่ตัวจริง และขอคัดหลังจากที่อ้างว่า จดทะเบียนสมรสกับนายกำแพงกว่า 30 ปี แล้วนั้น เห็นว่า ผู้ร้องนำสืบว่า ผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับนายกำแพงตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2521 แต่ใบทะเบียนสมรสหายไป ผู้ร้องขอคัดค้านสำเนาโดยเจ้าพนักงานรับรองตามสำเนาทะเบียนสมรส และผู้ร้องได้ยื่นขอคัดข้อมูลทะเบียนครอบครัว ระบุว่า ผู้ร้องจดทะเบียนสมรสกับนายกำแพงจึงเป็นเอกสารมหาชนซึ่งพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ทำขึ้นหรือรับรอง หรือสำเนาอันรับรองถูกต้องแห่งเอกสารนั้น ซึ่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 127 ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นของแท้จริงและถูกต้อง เป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ถูกอ้างเอกสารนั้นมายันต้องนำสืบความไม่บริสุทธิ์หรือความไม่ถูกต้องแห่งเอกสาร ดังนั้น เมื่อเอกสารที่เจ้าพนักงานรับรองแล้ว ตามสำเนาทะเบียนสมรสและข้อมูลทะเบียนครอบครัว ระบุว่านายกำแพงสมรสกับผู้ร้องก่อนแล้ว ผู้คัดค้านจึงต้องมีหน้าที่นำสืบให้เห็นว่าข้อเท็จจริงดังกล่าวไม่เป็นจริงหรือไม่มีอยู่ การที่ผู้คัดค้านคาดคะเนว่าจะไม่เป็นจริง เพราะเหตุการณ์เกิดมานานแล้วเพิ่งจะคัดเอกสารนั้น เป็นข้ออ้างลอย ๆ ไม่อาจหักล้างบทข้อสันนิษฐานแห่งกฎหมายดังกล่าวได้ กรณีต้องฟังว่า นายกำแพงสมรสกับผู้ร้องอยู่แล้ว ผู้คัดค้านกับนายกำแพงมาสมรสกันในภายหลัง เป็นสมรสซ้อนซึ่งเป็นโมฆะ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาให้เพิกถอนการสมรสระหว่างนายกำแพงกับผู้คัดค้านเป็นโมฆะจึงชอบแล้ว ฎีกาของผู้คัดค้านในข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนฎีกาของผู้คัดค้านว่าศาลล่างพิพากษาไม่ชอบ เพราะชอบจะทำเป็นคำสั่งนั้นผลของคดีเปลี่ยนแปลงไป ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share