คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1585/2517

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าเสียหายจากการที่โจทก์ขาดประโยชน์ที่เอารถไปให้ผู้อื่นเช่าไม่ได้มีอายุความ 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 ส่วนค่าเสียหายจากการที่จำเลยใช้รถชำรุดบุบสลายมีอายุความ 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 563 จะนำอายุความตามมาตรา 164 ซึ่งเป็นบททั่วไปมาใช้บังคับไม่ได้ แม้จำเลยยกอายุความตามมาตรา 165 มีกำหนด 2 ปีขึ้นต่อสู้ แต่ในคดีแพ่งเพียงจำเลยยกอายุความขึ้นตัดฟ้อง การจะปรับบทมาตราใด เป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี
โจทก์มีรถไว้ให้เช่า การที่รถอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดเวลาที่จำเลยผิดนัด โจทก์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์นั้นไม่ได้ ยิ่งเห็นอยู่ในตัวว่าโจทก์ย่อมเสียหายขาดประโยชน์ที่จะพึงได้จากการให้เช่าทรัพย์นั้น มิใช่ความเสียหายพิเศษซึ่งจำเลยไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้าจำเลยจึงต้องรับผิดในค่าเสียหายนั้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ ๑ ได้ทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์จากโจทก์ไป ๕ คัน จำเลยที่ ๒ เป็นผู้ค้ำประกันการเช่าซื้อตามสัญญาทั้งสองฉบับจำเลยผิดนัดไม่ชำระค่าเช่าซื้อ โจทก์จึงเลิกสัญญากับจำเลยตั้งแต่จำเลยผิดนัด จำเลยมีหน้าที่จะต้องส่งมอบรถที่เช่าซื้อคืนให้โจทก์ตามสัญญาแต่จำเลยไม่ส่งมอบคืน พึ่งจะมาส่งคืนในภายหลังทำให้โจทก์เสียหายขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากการเอารถออกให้เช่า ๕ คัน เป็นเงิน ๒๗๐,๖๐๐ บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีเป็นเงิน ๔๓,๙๗๒.๕๐ บาท รถที่จำเลยคืนทั้ง ๕ คันชำรุดทรุดโทรมเสื่อมราคา เนื่องจากจำเลยไม่ได้ใช้ด้วยความระมัดระวังเช่นวิญญูชนและไม่บำรุงรักษาซ่อมแซมได้รับความเสียหายเป็นเงิน ๖๕,๕๐๐ บาท โจทก์ทวงถามให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว จำเลยไม่ชำระจึงขอให้ศาลบังคับ
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า ค่าเสียหายที่โจทก์เรียกร้อง โจทก์กำหนดเอาเองแต่ฝ่ายเดียวและเป็นจำนวนสูง เมื่อโจทก์รับรถคืนไปรถทั้ง ๕ คันอยู่ในสภาพเรียบร้อย ค่าเสียหายที่โจทก์อ้างว่าควรจะได้จากการเอารถให้คนอื่นเช่าเป็นค่าเสียหายพิเศษตามสัญญาเช่าซื้อระหว่างโจทก์กับจำเลยไม่ได้ระบุไว้ให้โจทก์เรียกได้เป็นค่าเสียหายที่โจทก์กำหนดขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเรียกค่าเช่าซื้อที่ติดค้าง เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิดหนี้ที่โจทก์ฟ้องขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๕ ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่า ตามสัญญาค้ำประกันไม่ได้ระบุให้โจทก์มีสิทธิเรียกค่าเสียหายเท่ากับที่โจทก์เอารถให้คนอื่นเช่า และเป็นค่าเสียหายกรณีพิเศษ โจทก์เรียกร้องเอาจากจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องไม่มีหลักเกณฑ์และขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๖๕ จำเลยไม่ต้องรับผิด
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความ โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากขาดประโยชน์ในการใช้ทรัพย์ในระหว่างที่จำเลยผิดนัดและได้ครอบครองรถทั้ง ๕ คันไว้ กำหนดค่าเสียหายให้คันละ ๕,๐๐๐ บาทต่อหนึ่งเดือน กับค่าเสื่อมราคาคันละ ๒,๐๐๐ บาท พิพากษาให้จำเลยทั้งสองชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์เป็นเงินรวม ๙๐,๐๐๐ บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งในต้นเงินตั้งแต่วันผิดนัดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกค่าเสียหายเพราะขาดประโยชน์ที่ควรจะได้จากการให้เช่ารถ ในระหว่างที่รถอยู่ในความครอบครองของจำเลยผู้เช่าซื้อหลังจากที่สัญญาเช่าซื้อได้เลิกไปแล้วตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๙๑ วรรค ๓ และค่าเสียหายดังกล่าวโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกร้องได้ภายในอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ สิทธิเรียกร้องฐานนี้ยังไม่ขาดอายุความ ที่ศาลชั้นต้นกำหนดค่าเสียหายให้จำเลยชดใช้เป็นการเหมาะสมแล้ว แต่ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยชดใช้ดอกเบี้ยในค่าเสียหายตั้งแต่วันที่ ๗ กรกฎาคม ๒๕๑๐ เป็นต้นไป เป็นการเกินคำขอ เพราะโจทก์ฟ้องขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๐ ส่วนค่าเสียหายเนื่องจากรถของโจทก์ชำรุดทรุดโทรมเสื่อมราคาเพราะจำเลยไม่ใช้ความระมัดระวังเช่นวิญญูชนและไม่บำรุงรักษาซ่อมแซม เป็นการเรียกร้องค่าเสียหายอันเกิดจากการใช้รถโดยไม่ชอบ ตามมาตรา ๕๖๒ แต่มาตรา ๕๖๓ ห้ามมิให้ฟ้องเมื่อพ้นกำหนด ๖ เดือนนับแต่วันส่งคืนทรัพย์สินที่เช่า โจทก์ยึดรถคืนมาเกินกว่า ๖ เดือนแล้ว สิทธิฟ้องร้องของโจทก์ในค่าเสียหายนี้จึงขาดอายุความ พิพากษาแก้ให้จำเลยใช้ดอกเบี้ยในค่าเสียหายนับแต่วันที่ ๑๐ พฤศจิกายน ๒๕๑๐ จนกว่าจะชำระค่าเสียหายเสร็จส่วนค่าเสียหายเนื่องจากรถโจทก์เสื่อมราคาให้ยกฟ้อง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาว่า ค่าเสียหายในการที่รถชำรุดเสียหาย จำเลยมิได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ที่ศาลอุทธรณ์ยกอายุความ ๖ เดือน ตามมาตรา ๕๖๓ ขึ้นปรับแก่คดีโจทก์ จึงเป็นการไม่ชอบต้องใช้อายุความตามมาตรา ๑๖๔มีกำหนด ๑๐ ปี คดีโจทก์ยังไม่ขาดอายุความ
จำเลยทั้งสองฎีกาว่า มูลหนี้ที่โจทก์นำมาฟ้องมีอายุความเพียง ๒ ปี ตามมาตรา ๑๖๕(๖) คดีโจทก์ขาดอายุความแล้ว และค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ที่โจทก์เอารถออกให้เช่าไม่ได้เป็นค่าเสียหายพิเศษโจทก์เรียกเอาจากจำเลยไม่ได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาพิจารณาแล้วเห็นว่า จำเลยได้ยกอายุความขึ้นต่อสู้ตัดฟ้องโจทก์ไว้แล้วค่าเสียหายจากการที่โจทก์ขาดประโยชน์ที่เอารถไปให้ผู้อื่นเช่าไม่ได้ มีกำหนดอายุความ ๑๐ ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ ส่วนค่าเสียหายที่รถชำรุดทรุดโทรมเสื่อมราคานอกเหนือจากการที่จำเลยใช้รถนั้นโดยชอบต้องนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๖๒ มาใช้บังคับโดยอนุโลมและอยู่ในบังคับอายุความ ๖ เดือนตามมาตรา ๕๖๓ จะนำอายุความมาตรา ๑๖๔ เป็นบททั่วไปมาใช้บังคับไม่ได้โจทก์ฟ้องเรียกค่าเสียหายในกรณีความชำรุดบุบสลายนี้เกินกำหนด ๖ เดือน คดีโจทก์ในมูลหนี้ส่วนนี้จึงขาดอายุความแล้ว แม้จำเลยจะยกอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๕ มีกำหนด ๒ ปีขึ้นต่อสู้แต่ในคดีแพ่งเพียงจำเลยยกอายุความขึ้นตัดฟ้องการจะปรับบทมาตราใดเป็นหน้าที่ของศาลจะยกขึ้นปรับแก่คดี ที่จำเลยฎีกาว่าค่าเสียหายในการที่โจทก์เอารถออกให้เช่าไม่ได้เป็นค่าเสียหายพิเศษจำเลยไม่อาจคาดเห็นล่วงหน้าโจทก์เรียกเอาจากจำเลยไม่ได้ ตามมาตรา ๒๒๒ เห็นว่า รถโจทก์มีไว้ให้เช่า การที่รถอยู่ในความครอบครองของจำเลยตลอดเวลาที่จำเลยผิดนัด โจทก์ใช้ประโยชน์ในทรัพย์นั้นไม่ได้จึงเห็นอยู่ในตัวว่าโจทก์ย่อมเสียหายขาดประโยชน์ที่จะพึงได้จากการให้เช่าทรัพย์นั้นมิใช่ความเสียหายพิเศษ
พิพากษายืน

Share